Just A Kiss... แค่จูบ ก็แข็งแรงขึ้นแล้วนะ



ถ้าพูดถึงวิธีการแสดงความรัก "การจูบ" อาจเป็นวิธีที่คุณชอบที่สุดเพราะได้รู้จักร่างกายและสไตล์ของคนที่คุณกำลังจูบด้วย ขณะที่บางคนอาจจะบอกว่าวิธีนี้ "น่ายี้" ที่สุด

การจูบเป็นวิธีการแสดงความรักและความรู้สึกดีๆ ที่มีมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์นี้ ซึ่งในปัจจุบันเราอาจเห็นการจูบอยู่ทั่วไปตามสื่อต่างๆ ทั้งภาพยนตร์ ละคร MV การ์ตูนหรือแม้แต่ในเกมบางเกม... อย่างที่บอกว่าบางคนอาจจะไม่ชอบจูบ แต่มีการวิจัยแล้วว่าการใช้ริมฝีปาก (และลิ้น) สัมผัสกับริมฝีปากของอีกคนหนึ่ง มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรามากกว่าที่คิด 

ภาพจาก Photo by Annette Sousa on Unsplash

• ช่วยคลายเครียด & ผ่อนคลายตามธรรมชาติ
ความรู้สึกดีที่ได้จากการจูบนั้นมีที่มา... นักวิทยาศาสตร์ยืนยันแล้วว่าการจูบช่วยเพิ่มระดับออกซิโทซิน ซึ่งเป็นสารเคมีตามธรรมชาติที่ร่างกายหลั่งออกมา ทำให้เราใจเย็น สงบนิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มการหลั่งของสารแห่งความสุขอย่างเอ็นดอฟินส์ รวมถึงสารโดพามีนที่ทำให้คุณทั้งคู่มีความรู้สึกผูกพัน แนบแน่นกันมากขึ้น
 
• ลดความดันโลหิต ช่วยให้หายจากการปวดหัว
ถ้าหัวใจคุณเต้นตึกตักทุกครั้งที่จูบ นั่นเป็นสัญญาณที่ดี... การจูบอาจทำให้หัวใจคุณเต้นแรงซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยให้เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ได้ดีขึ้นและลดความดันโลหิตได้ นอกจากนี้ยังลดคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียด เพิ่มระดับฮอร์โมนแห่งความผ่อนคลายอย่างออกซิโทซิน และฮอร์โมนแห่งความอิ่มเอมใจอย่างเซโรโทนิน การจูบจึงช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายขึ้น  และการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ มากขึ้นระหว่างการจูบ จะช่วยลดอาการเจ็บปวดและเมื่อยล้าได้ โดยเฉพาะอาการปวดหัว และที่เราเองก็ไม่อยากจะเชื่อก็คือ ช่วยลดการปวดท้องประจำเดือนได้ด้วยนะ 
 
• เผาผลาญแคลอรี แถมทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าแข็งแรง
ถ้าคุณชื่นชอบช่วงเวลาอันยาวนานที่ได้สัมผัสกับริมฝีปากของคนรัก เราขอบอกว่ายิ่งจูบกันนาน ยิ่งได้เผาผลาญแคลอรี... มีรายงานหลายชิ้นที่ระบุว่าการจูบแต่ละนาทีช่วยเผาผลาญพลังงานได้ 2-6 แคลอรีเลยทีเดียว และถ้าจูบ 1 ชั่วโมงก็สามารถเผาผลาญพลังงานได้เท่ากับการวิ่งเหยาะๆ บนลู่วิ่ง 30 นาที หรือเท่ากับปริมาณพลังงานที่ได้จากไวน์ครึ่งแก้ว

ซึ่งถ้าพูดถึงการออกกำลังกาย เราจะนึกถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องแน่นๆ กับการกำจัดเซลลูไลท์หรือไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย... แต่อย่ามองข้ามกิจกรรมที่คุณทำกับคู่รักอย่างการจูบ เพราะมีการวิจัยยืนยันแล้วว่าระหว่างที่เราจูบ มีการใช้กล้ามเนื้อถึง 30 มัด ผลคือกล้ามเนื้อใบหน้าของคุณจะแน่นกระชับขึ้นยังไงล่ะ

• ยิ่งดูดดื่มมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้สุขภาพในช่องปากดีขึ้น
อย่าเพิ่งร้องยี้... นี่เป็นข้อมูลจาก Dental Health Magazine ที่ระบุว่าการจูบอย่างดูดดื่มช่วยกระตุ้นน้ำลาย ที่ทำให้ช่องปาก เหงือก และฟันแข็งแรงขึ้น น้ำลายที่เพิ่มขึ้นยังช่วยขจัดเศษอาหารที่อาจตกค้างในซอกฟัน ทั้งยังกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายคุณตอบสนองและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น

• กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medical Hypotheses บอกว่าการจูบช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของผู้หญิงจากเชื้อไซโตเมกะโลไวรัส (Cytomegalovirus or CMV) ที่เป็นต้นเหตุให้ทารกตาบอดหรือเชื้อโรคอื่นๆ ที่มีแม่เป็นพาหะที่อาจติดระหว่างตั้งครรภ์
ข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ระบุว่าเชื้อนี้มักพบในประเทศกำลังพัฒนา ติดต่อเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ ทารกได้รับเชื้อจากมารดาในครรภ์ ในระยะคลอด ระยะให้นม การถ่ายเลือด การปลูกถ่ายอวัยวะ เพศสัมพันธ์ ทางหายใจ โดยสัมผัสละอองฝอยในอากาศ และทางการสัมผัสโดยสัมผัสน้ำลายและปัสสาวะ

• เป็นอีกวิธี ที่ช่วยให้รู้ว่าเขาคือ "คนที่ใช่" หรือเปล่า
เฮเลน ฟิชเชอร์ นักมานุษยวิทยา ได้เปรียบการจูบว่าเป็น “เครื่องมือเลือกคู่” เยื่อหุ้มสมองส่วนใหญ่ของเราจะทำหน้าที่รับความรู้สึกจากริมฝีปาก แก้ม ลิ้น และจมูก และจากเส้นประสาทสมอง 12 เส้น มีจำนวน 5 เส้นที่จะเก็บข้อมูลจากริมฝีปาก ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรับความรู้สึกที่อ่อนไหวที่สุด ทั้งเรื่องของรสชาติ รสสัมผัส กลิ่น และอุณหภูมิที่เราได้จากการจูบในแต่ละครั้ง... เมื่อเราจูบใครสักคน นอกจากเห็น ได้ยิน และรู้สึกถึงพวกเขา การจูบจึงไม่ใช่แค่จูบ แต่ยังเปรียบเหมือนฉลากที่ทำให้รู้ว่าคุณคือใคร สิ่งที่คุณต้องการคืออะไร และคุณจะให้อะไรกับอีกฝ่ายได้บ้าง

นอกจากนี้การจูบยังเป็น “การจับคู่ทางชีววิทยา” ที่เราใช้ประเมินว่าใครที่มีพันธุกรรมเข้ากับเรามากที่สุด กอร์ดอน จี.แกลลัพ จูเนียร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาวิวัฒนาการ จากสเตทยูนิเวอร์ซิตี้ออฟนิวยอร์ก (SUNY) บอกว่า ณ วินาทีที่คุณจูบ จะเกิดกลไกการประเมินสุขภาพ ประเมินระบบสืบพันธุ์ และความเข้ากันได้ทางพันธุกรรมขึ้นโดยอัตโนมัติ ดังนั้น การเกิดขึ้นของจูบแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมันทำให้คุณรู้เลยว่าจะหยุดที่คนๆ นี้หรือเดินหน้าต่อไป

ใครอ่านแล้วอมยิ้มตามแบบเราบ้างมั้ย... และแม้ว่าการจูบจะมีประโยชน์ แต่ก็อย่าไปจูบใครสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ เดี๋ยวจะมีเรื่องให้ปวดหัวเข้ามาแทน



 
-->