2019 เที่ยวแบบไหนให้อินเทรนด์



ถ้าให้นับทริปปี 2018 ที่ผ่านมา แต่ละคนก็คงเที่ยวมากเที่ยวน้อยต่างกันไป ถ้าจะให้ลึกซึ้งกว่านั้น เราลองมาวิเคราะห์กันหน่อยดีมั้ย ว่าแต่ละทริปให้อะไรกับชีวิตบ้าง แล้วในปี 2019 นี้ เราอยากเที่ยวแบบเดิมๆ หรือจะทำทริปรูปแบบใหม่ เพื่อให้ชีวิตมีสีสันมากกว่าการไปพักผ่อนธรรมดาๆ ถ้ายังไม่แน่ใจ... มาดูกันว่ามีตัวเลือกอะไรที่จะทำให้ทริปของเราแปลกใหม่กว่าที่เคย

เที่ยวแบบเข้าถึง 
แน่นอนแหละว่า ทุกครั้งที่ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ เราก็ต้องได้เห็นสิ่งแปลกใหม่อยู่แล้ว แต่นั่นอาจจะยังไม่พอ ลองมองหาทริปที่เข้าถึงวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของคนในพื้นถิ่น ซึ่งก็มีให้เลือกไม่ว่าจะเป็นการเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ อย่างการพักโฮมสเตย์ที่มีกิจกรรมของชุมชนให้ร่วมทำ หรือการไปเที่ยวในช่วงเวลาที่มีเทศกาล ประเพณีของหมู่บ้าน ของจังหวัด หรือของประเทศ ซึ่งก็ต้องสำรวจและแพลนกันล่วงหน้าสักหน่อย แม้ว่าช่วงเทศกาลคนจะเยอะ ราคาก็สูงกว่าปกติ แต่จะทำให้เราได้เห็นอะไรใหม่ๆ และมันคือความสนุกสนานที่น่าตื่นเต้น แล้วคุณจะมีเรื่องมาเล่าหรือได้ภาพสวยๆ ที่แตกต่างจากใครๆ เลยล่ะ 

ไม่พลาดลองสิ่งใหม่
เพราะความสะดวกสบายจะมาในรูปแบบของนวัตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตอบสนองได้ในมือถือของเรานี่แหละ หาข้อมูลให้มาก ที่ไหนมีอะไรใหม่ก็อย่าพลาดการทดลอง ตั้งแต่การเลือกที่พักที่เริ่มจากมีบริการให้มือถือของคุณเป็นกุญแจห้อง หากเจอที่ไหนมี AI (ปัญญาประดิษฐ์) ใหม่ๆ ก็ลองใช้ลองทดสอบ และแม้ว่าคุณจะใช้ภาษาสื่อสารได้ดีอยู่แล้วการใช้แอปแปลภาษาก็ยังเป็นเรื่องที่น่าสนุกนะ มีแอปพลิเคชั่นไหนที่จะอำนวยความสะดวกให้คุณได้ตั้งแต่การจองตั๋ว จองที่พัก หรือการติดตามสัมภาระแบบเรียลไทม์ก็จงลองไปซะให้หมด หรือว่างๆ ลองไปเดินเล่นใน Google Map ก็จะทำให้เห็นอะไรดีๆ แถมเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกที่เที่ยวหรือที่พักได้ดีกว่าการดูรูปสวยๆ ในเว็บอย่างเดียว

รู้คนให้เท่ารู้สถานที่
เปลี่ยนทริปของคุณจากการแค่ “ได้เห็น” เป็นการ “ได้รู้” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ในสถานที่นั้นๆ รวมถึงผู้คน ความคิด กิจกรรมที่คนที่นั่นสนใจ หันมาตระหนักถึงจิตใจของผู้คนมากขึ้น อย่างเช่นว่า... สถานที่ใดที่เราไปเที่ยวแล้วจะกระทบถึงคนที่อาศัยอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมรวมไปถึงนัยยะทางสังคม เพราะในบางสถานที่นั้นคนส่วนใหญ่ก็ยังต้องการความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัว การเข้ามาของนักท่องเที่ยวยังไม่ได้เป็นที่ปรารถนาของพวกเขา หรือแม้แต่บางที่ที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว การให้เกียรติสถานที่และผู้คนก็เป็นสิ่งที่เราต้องรู้เท่าทันและตระหนัก และยังรวมไปถึงความปลอดภัยของตัวเราเอง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกทางความเชื่อ ศาสนา การเปิดรับเรื่องความหลากหลายทางเพศ เราก็ควรรู้ไว้จะได้ปฏิบัติตัวให้ถูก

เที่ยวไปเอาใจใส่โลก
กลุ่มคนเจเนอเรชั่น Z ที่เกิดมาพร้อมความสะดวกสบาย แต่แปลกที่คนกลุ่มนี้กลับใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากด้วย อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่เสพสื่อและเห็นว่า หากเที่ยวกันแบบทำลายธรรมชาติต่อไปในอนาคตก็คงจะมีแต่เทคโนโลยีที่แข็งกระด้าง คนกลุ่มนี้มักจะไม่ละเลยที่จะช่วยดูแลธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเก็บขยะ การลดใช้พลาสติก และการไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม นี่จึงเป็นเทรนด์ที่น่านำไปใช้ให้ชิน แม้แต่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ก็ยังหันมาชูประเด็นสิ่งแวดล้อมเป็นจุดขาย เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน และเลือกที่จะใช้บริการของตน

สบายกระเป๋าไม่เหมาเน้นแชร์
ด้วยการเดินทางลัดฟ้าที่มีค่าใช้จ่ายถูกลงมาก การเที่ยวทริปสั้นๆ แต่ไปได้ไกลกว่ายังเป็นสิ่งที่ท้าทายให้คนรุ่นใหม่เดินทางบ่อยขึ้น การเช่ารถที่สะดวกสบายพร้อมหาคนแชร์ค่าเช่าหรือค่าเหมาคันผ่านคอมมูนิตี้เพจต่างๆ ก็สะท้อนความคิดและมุมมองใหม่ที่คิดได้ว่า นอกจากการจะได้เที่ยวแบบเซฟค่าใช้จ่ายแล้ว การแชร์สิ่งต่างๆ ยังเพิ่มโอกาสในการทำความรู้จักผู้คนหรือสร้างมิตรภาพใหม่ๆ ได้แชร์ประสบการณ์และข้อมูลระหว่างคนชอบเที่ยว ที่พักแบบโฮสเทลจึงเป็นที่นิยมและมาแรงด้วยปัจจัยและแนวคิดเหล่านี้

เอาล่ะ! เราคิดว่า 5 เทรนด์นี้คงมีประโยชน์ในการตัดสินใจว่า... ทริปต่อไปคุณจะเที่ยวแบบเดิมๆ หรือเพิ่มเติมสิ่งใหม่ให้เป็นทริปที่ได้อะไรมากกว่าการเที่ยวแบบเดิมๆ

 
-->