ต้องไปสักที...6 สถานที่ ที่เขาว่าเป็น “อัญมณี” ของญี่ปุ่น

พอถามใครว่า “ไปญี่ปุ่น เที่ยวเมืองไหนมาบ้างล่ะ?” คำตอบมักมีอยู่ไม่กี่อย่าง คือโตเกียว เกียวโต โอซากา โอกินาวา ฮิโรชิมา หรือแม้กระทั่งฮอกไกโด... แต่รู้ไหมว่านอกจากชีวิตกลางคืนในโตเกียว และเกอิชาในเกียวโต ที่ญี่ปุ่นยังมีอัญมณีซ่อนอยู่อีกมาก

 

 
1. เนินทรายทตโตริ (Tottori Sand Dunes) – ใครจะเชื่อว่าเมืองหนาวอย่างญี่ปุ่นจะมีทะเลทราย... เนินทรายทตโตริตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกทางใต้สุดของเกาะใหญ่ ห่างจากโอซากา 3 ชั่วโมงรถไฟ โดยเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Sanin Kaigan เนินทรายแห่งนี้กว้างประมาณ ¼ ไมล์ ยาวประมาณ 10 ไมล์ หากเดินขึ้นเนินที่สูงที่สุดซึ่งสูงถึง 164 ฟุต นอกจากจะได้เหงื่อแล้วยังจะได้ชมทิวทัศน์ชวนฝันอีกด้วย... หากใครไม่สะดวกที่จะเดิน ที่นี่ก็มีอูฐไว้บริการด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ทราย มีประติมากรรมจากทราย สร้างสรรค์โดยศิลปินจากทั่วโลก

 

 
2. เส้นทางเดินป่านากะเซนโด (Nakasendo Way) – เส้นทางเดินนี้เป็นเส้นทางเก่าแก่ที่เชื่อมนครหลวงเก่าอย่างเกียวโต และเมืองหลวงในปัจจุบันคือกรุงโตเกียว การเดินในเส้นทางนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการทำความรู้จักญี่ปุ่น เส้นทางนี้ย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 8 เป็นทางเดินเท้าผ่านใจกลางเกาะฮอนชู มีระยะทางเกือบ 500 กม. เริ่มจากทะเลสาบบิวะในเกียวโต มุ่งหน้าสู่ภูเขาเซกิกะฮาระ ผ่านนาโกยา เลียบภูเขาไฟฟูจิ ก่อนมุ่งหน้าสู้ที่ราบคันโตในโตเกียว โดยแบ่งเป็น 7 เส้นทาง คือ เกียวโต-เซกิกะฮาระ, เซกิกะฮาระ-นากาซึกาวะ, นากาซึกาวะ-กิโสะ ฟุกุชิมะ, กิโสะ ฟุกุชิมะ-นากากุโบะ, นากากุโบะ-คารุอิซาวะ, คารุอิซาวะ-ฟูกิอาเกะ และฟูกิอาเกะ-โตเกียว ... แต่ไม่แนะนำให้เดินเองโดยเฉพาะคนที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ (แทบไม่มีป้ายภาษาอังกฤษเลย) ใครสนใจ แนะให้ติดต่อ Walk Japan หรือ www.nakasendoway.com ดีกว่า

 

 
3. เกาะชิโกกุ (Shikoku) – เป็นเกาะที่เล็กที่สุดใน 4 เกาะใหญ่ซึ่งมีทิวทัศน์ที่สมบูรณ์และสงบงามอย่างน่าประหลาดใจ เกาะเล็กๆ แห่งนี้ไม่ถูกรบกวนจากภายนอกมานานหลายศตวรรษ นั่นทำให้ที่นี่มักถูกมองข้ามจากนักท่องเที่ยว มีเพียงสะพาน 3 แห่งที่เชื่อมชิโกกุกับฮอนชูซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่สุด...ที่นี่เหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ชอบชีวิตกลางแจ้ง จะพบพืชตระกูลส้ม(citrus)ที่ขึ้นอยู่ทั่วไป, ปราสาทและศาลเจ้า, แก่งที่เหมาะกับการล่องแพ, และเส้นทางแสวงบุญซึ่งมีวัด 88 แห่งที่มีชื่อเสียงอย่างมาก การเดินทางมายังเกาะชิโกกุนั้น สามารถใช้เครื่องบิน รถไฟ เรือเฟอรี และรถบัส ส่วนการเดินทางในเกาะ จะเลือกใช้รถบัส รถไฟ หรือเดินสำรวจเกาะก็ได้

 

 
4. ฮาโกดาเตะ (Hakodate) – เมืองท่าที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ของเกาะเหนืออย่างฮอกไกโด โดยรถไฟสายโตเกียว-ซัปโปโรจะแวะพักที่นี่... จากการตั้งอยู่ในเขตชายฝั่งของเมืองหนาว ทำให้ที่นี่เป็นปลายทางที่เหมาะกับคนรักอาหารทะเลอย่างมาก โดยเฉพาะปูขนที่ใครๆก็รู้จัก ส่วนใครที่ชอบกินปลาดิบ ที่นี่ก็มีตลาดเช้าคล้ายตลาดซึคิจิโตเกียว แต่ไม่พลุกพล่าน(ด้วยนักท่องเที่ยว) มีทั้งปลาสด ปลาหมึก ปู รวมถึงอาหารท้องถิ่นอื่นๆ ด้วย เมื่อได้ไปเยือนแล้วต้องไม่พลาดขึ้นกระเช้าไปบนภูเขาฮาโกดาเตะเพื่อชมวิวของเมืองยามค่ำคืน และเนื่องจากเมืองนี้ยังมีนักท่องเที่ยวไม่มากนักจึงไม่ค่อยมีป้ายเป็นภาษาอังกฤษ การสื่อสารกับคนท้องถิ่นอาจทำให้คุณเมื่อมือสักหน่อย

 

 
5. ยากุชิมะ (Yakushima) – การมองหาอัญมณีที่ซ่อนอยู่อาจเป็นเรื่องยากเกินไป สิ่งที่คุณต้องทำอาจมีแค่เดินตามคนท้องถิ่นว่าเขาไปเที่ยวไหนกัน... ยากุชิมะเป็นเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างเกาะคิวชู มีสายลม แสงแดด และหาดทรายคล้ายกับโอกินาวา โดยจะมีเรือจากคาโกชิมา (Kagoshima) วันละ 2 รอบใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจะเลือกเช่าเรือกับ Get My Boat ซึ่งมีทัวร์ไปยังจุดต่างๆ รอบเกาะก็ได้ ทัศนียภาพบนเกาะก็สวยงามน่าเหลือเชื่อ มีทั้งน้ำพุร้อน ภูเขาที่ปกคลุมด้วยป่าเขียวขจี ซึ่งมีทั้งทะเลสาบและน้ำตก ส่วนใครที่ชอบเดินเขาก็มีเส้นทางที่ตัดผ่านป่าฝนและป่าสนซีดาร์ หรือจะชมชีวิตสัตว์ใต้น้ำที่ใสราวกับคริสตัล หรือเพียงพายเรือแคนูสำรวจรอบๆเกาะ ก็ทำให้ผ่อนคลายได้ไม่เบา

 

 
6. โคชู (Koshu) – ถือเป็นเมืองที่เหมาะกับคนรักไวน์อย่างมาก... โคชูอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง ได้รับขนานนามว่าเป็น Tuscany of Japan มีการปลูกองุ่นหลายสายพันธุ์ซึ่ง 80% เป็นสายพันธุ์จากเอเชีย โดยจะนำไปบ่มไวน์ เมื่อเดินทางไปถึงจะเห็นไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตา ราว 10 ปีที่แล้วนักชิมบอกว่าไวน์จากโคชูหวานเกินไป นั่นทำให้เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นและปรุงไวน์พัฒนากรรมวิธีการผลิตเพื่อให้ได้ไวน์ที่ดีที่สุดออกมา เกิดเป็นไวน์ขาวสไตล์ฝรั่งเศสที่เรียกว่า Muscadet



 
-->