รู้ยัง? 12 ฟีเจอร์เด็ด ที่มากับ iOS13 งานนี้ไม่อัพ ไม่ได้แล้ววว !


เป็นเรื่องปกติของทุกๆ ปีที่พอ Apple ปล่อยไอโฟนตัวใหม่ออกมาปุ๊ป ก็ต้องอัพเดท iOS ใหม่ด้วย และล่าสุดเวอร์ชั่น iOS ก็พุ่งทะยานไปถึงเวอร์ชั่น 13 กันแล้วจ้าา ซึ่งถ้าจะให้เราเล่ารายละเอียดทั้งหมดว่ามีอะไรเปลี่ยนบ้างคงต้องใช้เวลานั่งอธิบายกันครึ่งค่อนวัน เราเลยขอคัดมาเน้นๆ เฉพาะฟีเจอร์เจ๋งๆ และคิดว่าทุกคนน่าจะได้ใช้งานกัน 

#1. AirDrop 
สำหรับ iOS 13.1 จะเพิ่มเติมฟังค์ชั่นให้เราว้าวขึ้นมาอีก  คือเราสามารถเลือกว่าต้องการ AirDrop ให้กับใครก็ตาม โดยการหัน iPhone 11, iPhone 11 Pro หรือ iPhone 11 Pro Max ไปยังเครื่องที่ต้องการเลย โดยฟีเจอร์นี้ทำงานด้วยชิพ U1 ร่วมกับเทคโนโลยี Ultra Wideband นั่นเอง

#2. AirPods Audio Sharing
ใครที่เป็นสาวกแอร์พอด จะต้องดีใจหนักมากเพราะ iOS13 นี้เราสามารถเชื่อมต่อ iPhone ได้ถึง 2 ไวร์เลสพร้อมกันแล้ว ซึ่งมันเหมาะกับคนที่มีไวร์เลสเฮดโฟนหลายตัว แล้วสลับกันใช้ หรือคู่รักที่อยากแชร์เพลงฟังด้วยกันกับแฟนแบบไม่ต้องมาแบ่งฟังกันคนละหูอีกต่อไป
 



#3. Animoji & Memoji Sticker
รอบนี้เขาได้พัฒนาตัว Memoji ให้เราสามารถครีเอทได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะหน้าผม คิ้ว ตา ปาก และสารพัดสิ่ง ซึ่งเมื่อเราสร้างตัวละครที่เหมือนเราขึ้นมาแล้ว ระบบก็จะเอามาแปลงเป็นชุดสติกเกอร์หลากหลายอารมณ์ ซึ่งสติกเกอร์พวกนี้สามารถใช้ส่งในแอพฯ อื่นๆ ได้ด้วย เช่น Line, Mesenger, IG Direct message หรือ Twitter เวลาที่จะส่งหาใครก็แค่เข้าคีย์บอร์ดมาที่ Emoji แล้วเลือกแอคชั่นที่ชอบ กดส่งโลดด
 


#4. Apple Arcade 
ใครเป็นสายเกมเมอร์ งานนี้ถูกใจกันแน่นอน  เพราะล่าสุดได้มีฟีเจอร์ Apple Arcade ที่เป็นคลังรวบรวมเกมส์กว่า 100 เกมส์ให้เลือกเล่น โดยเป็นเซอร์วิสที่มาในระบบสมาชิก หมายความว่าคนที่จะเล่น จะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น ซึ่งราคาค่าสมาชิกก็เป็นตัวเลขที่ดีงาม อยู่ที่ 99 บาท/เดือน เท่านั้นเอง และความดีงามที่เพิ่มเติมก็คือ จะไม่มีโฆษณาใดๆ แอบแฝงตัว โผล่มาขัดจังหวะขณะที่เล่นเกมส์ และไม่มีการเสียเงินเพิ่มใดๆ นอกเหนือจากค่าสมาชิก ซึ่งทาง Apple Store เองก็จะมีการอัพเดตเกมส์ใหม่อยู่เรื่อยๆ 

#5. Battery Health
อันนี้เป็นอีกหนึ่งความเจ๋งที่สายไอทีการันตีมาว่าไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะหลายๆ คนเมื่อใช้งานไปซักพักก็มักจะเจอกับปัญหาแบตเสื่อม ซึ่งปัญหานี้น่าจะไม่เกิดอีกต่อไป เพราะใน iOS13 เวอร์ชั่นนี้ มันถูกออกแบบมาให้ช่วยเซฟอายุของแบตเตอรี่ โดยจะตัดการชาร์จแบตเตอรี่ให้อยู่ที่ 80% ในกรณีที่ขณะาร์จแล้วเครื่องมีความร้อนสูงเกินกำหนด เพื่อป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม แต่ก็ไม่ใช่ว่าหลังจากนี้จะไม่สามารถชาร์จแบตฯ ได้เต็มถึง 100% อีกต่อไป เพราะถ้าหากเราชาร์จในห้องแอร์ หรือที่ที่อุณหภูมิต่ำ หรือในขณะชาร์จเครื่องไม่ได้ร้อน มันก็สามารถชาร์จได้ไปจนถึง 100% เหมือนเดิม

 


#6. Content Preview
ส่วนใหญ่เวลาที่เราจะเช็คอีเมลล์ ก็จะต้องกดเข้าไปก่อน ถึงจะเห็นเนื้อหาที่ส่งมา แต่ในเวอร์ชั่นนี้คือ เราสามารถกดค้าง แล้วเนื้อหาในอีเมลล์มันก็จะ pop up โชว์ขึ้นมาเลย พร้อมกับแทบคำสั่งเพื่อให้เราสามารถเลือกได้ว่าต้องการทำอะไรต่อไป เช่น จะตอบกลับ จะส่งต่อ 

#7. Control Center
อันนี้เป็นฟังก์ชั่นที่สร้างความสะดวกสบายในการใช้งาน Bluetooth และ Wifi ให้ง่ายขึ้นไปอีก คือเมื่อเรารูดจอขึ้นเพื่อเข้าไปใน Control Center แล้วกดค้างที่สัญลักษณ์ Wifi หรือ Bluetooth เมื่อก่อนเราจะกดได้แค่เปิดหรือปิด แต่ใน iOS13 เราจะสามารถเลือกเครือข่ายที่จะต่อ wifi หรือ Bluetooth ได้จากตรงนั้นเลย โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าไปที่ Setting
 



#8. Dark Mode 
ฟีเจอร์ที่หลายๆ คนตั้งตารอ หลังจากที่ปล่อยให้ระบบ Andriod เขานำหน้ากันไปนานแล้ว  ซึ่งสำหรับ iOS13 นี้มีฟีเจอร์ที่ช่วยซัพพอร์ตการใช้งานในที่ที่แสงน้อย หรือคนที่ใช้หน้าจอ OLED ยิ่งควรอัพเดตด่วน เพราะมันจะช่วยประหยัดพลังงานไปได้เยอะ เนื่องจากแผงหน้าจอ OLED จะไม่มีการใช้พลังงานในการแสดงพิกเซลสีดำนั่นเอง ซึ่งฟีเจอร์นี้เราสามารถตั้งค่าให้เข้าสู่ Dark Mode โดยอิงกับเวลา หรือจะเลือกให้อิงกับสภาพแวดล้อมก็ได้ เอาที่สะดวกกาย สบายใจกันไปเลย
 

 

Photo Credit: MacRumors



#9. Game Controller
อีกหนึ่งฟีเจอร์เอาใจสายเกม เมื่อรอบนี้เขาปรับให้เราสามารถเล่มเกมส์ใน iPhone โดยใช้จอยของเครื่องเกมส์ PlayStation4 หรือ Xbox บังคับได้เลย จากที่ก่อนหน้านี้ต้องบังคับผ่านหน้าจอไอโฟนอย่างเดียว งานนี้อารมณ์มาเต็มกว่าเดิมแน่นอน ส่วนจอยของแบรนด์อื่นๆ จะสามารถใช้ร่วมกันได้มั้ยอันนี้ยังไม่มีการพูดถึง เอาเป็นว่าถ้าใครลองแล้วใช้ได้ ก็มาบอกกันด้วยนะ 
 

Photo Credit: Yourlifeupdate.net


#10. QuickPath
ใครที่ต้องพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่บ่อยๆ คีย์บอร์ดเวอร์ชั่นใหม่นี้น่าจะตอบโจทย์มากๆ เลยล่ะ เราจะพิมพ์ข้อความได้เร็วขึ้น เพราะเราสามารถลากนิ้วไปยังตัวอักษรที่ต้องการได้เรื่อยๆ จนครบคำแบบไม่ต้องยกนิ้ว ซึ่งระบบก็จะคำนวณคำที่เราลากนิ้วไปแล้วขึ้นให้เราทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เขารองรับแค่ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาสเปน ภาษาเยอรมัน ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี และภาษาล่าสุดก็คือภาษาโปรตุเกส ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับภาษาไทยนั้นคงต้องรอกันไปก่อน

#11. Redesigned Volume Control
ปกติปุ่มปรับความดัง-เบา เวลาที่เรากดมันก็จะขึ้นเป็นรูปลำโพงกลางหน้าจอ โดยจะแบ่งเป็นขีดๆ กดทีนึงก็ขึ้น 1 ขีด แต่ใน iOS13 นอกจะเขาจะย้ายตำแหน่งไปอยู่บริเวณขอบจอแล้ว เรายังสามารถปรับเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้ตามใจชอบ คือไม่มีเส้นแบ่งมากำหนด ปรับได้ตามสะดวกเลย

#12. Smart Photo Preview
ต่อไปนี้การเปิดดูรูปถ่ายในเครื่องจะไม่ยุ่งยากอีกต่อไป เพราะเวอร์ชั่นนี้เขามีการนำระบบ AI เข้ามาใช้ ซึ่งจะช่วยให้เราดูรูปภาพในเครื่องได้สะดวกมากขึ้น อย่างใครที่มีรูปในเครื่องเยอะ ก็สามารถเลือกดูเฉพาะรูปไฮไลท์ได้ หรือจะเลือกดูตามปี ตามเดือน หรือแม้แต่ตามวัน ก็ได้ทั้งนั้น เรียกว่าในเวอร์ชั่นนี้จะมีการ grouping รูปมาให้ หรือแม้แต่การกรุ๊ปปิ้งตามสถานที่ที่เราไป ดีงามมากก
 


เป็นยังไงกันบ้างกับ 12 ฟีเจอร์ว้าวๆ ของ iOS13 ใครอัพแล้วชอบไม่ชอบฟีเจอร์ไหนยังไง อย่าลืมมาแชร์กันนะ 

 

-->