จากสภาพปัญหาโลกร้อน ปัญหาขยะโลกร้อน มลพิษต่างๆ นานาที่เราต้องเจอกันอยู่ทุกวันนี้ เหมือนเป็นสัญญานเตือนจากโลกว่าถ้าเราไม่คิดทำอะไรสักอย่างเพื่อโลกบ้างแล้วล่ะก็ โลกที่น่าอยู่ใบนี้อาจเป็นแค่อดีตไปก็ได้ 

 

เพราะมีรายงานจาก IPCC (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ) บอกว่าตั้งแต่ปี 2015 อุณหภูมิทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2 องศาเซลเซียส ด้วยเหตุผลนี้เลยเป็นที่มาของคำว่า Climate Change สภาวะการเปลี่ยนด้านอุณหภูมิ ที่ก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อน ทรัพยากรขาดแคลน รวมไปถึงเหล่าภัยพิบัติต่างๆ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศที่เพิ่มขึ้นแบบคูณสองในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมานี้ รวมไปถึงสภาวะเรือนกระจก การรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำมากันตลอด 10 ปี แต่ผลลัพธ์ก็ยังไม่เวิร์คอยู่ดี เลยทำให้ต้องจัดการอย่างจริงจังก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ 

 

เลยทำให้ตั้งแต่ปี 2018  เหล่าสหประชาชาติจึงได้เริ่มโครงการมากมายเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ เรียกกันว่าแพลนบี หรือแผนบี เป็นการรับมือกับปัญาคาร์บอนไดออกไซด์ โดย ใช้วิธี Geoengineering ซึ่งหมายถึงการนำวิศวกรรม และวิทยาศาสตร์มาต่อสู้กับ ปัญหาโรคร้อนอย่างจริงจัง โดยทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นต้นทุนใหม่ ที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งถ้าแพลนนี้ทำได้ตามนั้นจริง  เราก็จะสามารถลบภาพ หมอกควันในอากาศ แสงอาทิตย์สามารถเปล่งประกายอย่างเจิดจ้าบนท้องฟ้าได้อีกครั้ง แล้วตอนนี้ก็มีการวิจัยต่างๆ ที่กำลังพยายามจะลดปริมาณการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์กันเต็มไปหมด เพราะสุดท้ายแล้วแนวความคิดต่างๆ ที่คิดจะสร้างพลังงานทดแทนขึ้นมาก็ดูจะไร้ค่าถ้ายังมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์กันออกมาอยู่ดี 

 

เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกันมาทุกวันนี้มันไม่สามารถที่จะปัดความรับผิดชอบไปที่ใครได้ทั้งหมด ทุกคนควรที่จะช่วยกันอย่างจริงจัง แบบคนละไม้คนละมือ ถึงต่อจะให้เป็นเเค่เป็นเรื่องเล็กๆ อย่างเช่นการไม่ใช้หลอด ลดการใช้ถุงพลาสติก หรือเอากลับมาใช้ให้เกิดประโยนช์สูงสุด พกแก้วน้ำมาใส่น้ำเอง ไม่สนับสนุนของที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ 
 

อย่าลืมลุกขึ้นมาช่วยกันนะ ตอนนี้จะทำอะไรต้องนึกถึงสิ่งแวดล้อมเสมอ ถึงจะเรียกว่าเป็นคนเจนใหม่ตัวจริงเสียงจริง