กินน้อย…แต่ชีวิตยาวนะ
เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ ไม่ได้สัมผัสถึงความรู้สึกหิวแบบจริงๆ จังๆ มานานแล้ว เพราะโดยส่วนใหญ่ก็อาจกินเพราะอยากกินก่อนที่จะหิวซะอีก หรือแค่หิวนิดหิวหน่อยก็หาอะไรลงท้องกันซะก่อนแล้ว!
รำลึกอดีตของ “ความหิว”
ทำไมเราถึงอยากให้คุณรู้จักกับ “ความหิว” ก็เพราะในอดีตต่อเนื่องเป็นแสนๆ ปี ช่วงเวลานั้นมนุษย์เรายังไม่มีอาหารมากพอที่จะกินได้ 3 มื้อต่อวัน บรรพบุรุษของเรายังต้องทนกับความหิวอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ ในช่วงเวลานั้นเอง ร่างกายของมนุษย์ได้สร้างยีนแห่งความอยู่รอดจากความหิวและส่งต่อทางพันธุกรรมมาถึงพวกเราในวันนี้ ก่อนที่เราเริ่มรู้จักการปลูกข้าว และไม่ต้องทนกับความหิวบ่อยนักมาเมื่อสัก 4,000 ปีนี่เอง
เกิดอะไรขึ้นเมื่อมนุษย์หิว
ร่างการของคนเรานั้นแสนฉลาดล้ำ เมื่อเกิดความหิวอยู่เสมอ ร่างกายจำเป็นต้องสร้างกลไกในการต่อสู้กับความอดอยากเพื่อการอยู่รอด แม้มันจะหมายถึงระยะเวลาเป็นหมื่นเป็นแสนปีที่ค่อยๆ พัฒนา แต่มันก็นำพาให้มนุษย์มียีนภูมิคุ้มกันเอาไว้สู้กับเชื้อโรค และยีนในการฟื้นฟูร่างกายที่พยายามซ่อมแซมเซลล์ให้คงสภาพให้ได้มากและนานที่สุด ซึ่งคล้ายๆ กับการชะลอความชราด้วยร่างกายของตนเอง
หิวมากก็ทนไม่ไหว อิ่มไปก็ไม่ดีต่อสุขภาพ
แต่ใช่ว่าเราจะอยากให้ทุกคนกลับมา “ปล่อยให้ตัวเองหิวกันเถอะ” เพราะคงเป็นไปได้ยาก เคล็ดลับของการมีสุขภาพดีที่ช่วยชะลอวัย อันน่าจะทำได้ในวันนี้ ก็คือการกินให้อิ่มแบบพอดีๆ จับความรู้สึกให้ได้ว่าอิ่มสัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ของความรู้สึกอิ่มในยามกินจนแน่นท้อง หรือในคนที่น้ำหนักตัวเกินมากๆ ถ้ามุ่งมั่นอยากลดน้ำหนักฟื้นฟูร่างกายให้เร็วและจริงจัง ก็อาจฝึกการกินให้น้อยลงจริงๆ ในทุกๆ วัน เลือกกินอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเป็นหลักให้ครบ 5 หมู่ โดยยึดตามความสะดวกในไลฟ์สไตล์ และระหว่างวันหากหิวมากๆ ก็หันไปกินเป็นผลไม้ไม่หวาน นมไร้มัน ไข่ต้ม โดยหลีกเลี่ยงของหวาน มัน ทอด หรืออาหารขยะทั้งหลาย แค่นี้ก็ดีต่อสุขภาพและน้ำหนักตัวแล้ว
น้ำหนักตัวที่ลดลงกับการทำงานของฮอร์โมน
น้ำหนักตัวที่ลดลงจากการฝึกกินแต่น้อย จะทำให้ฮอร์โมน "เลปติน" กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งฮอร์โมนนี้จะคอยบอกสมองว่าคุณอิ่มแล้ว อิ่มเร็วขึ้นกว่าเคย นั่นก็จะทำให้คุณรักษาน้ำหนักตัวได้ดีกว่าตอนอวบอ้วน หรือตอนที่กินทุกมื้อแบบอิ่มจุก เพราะในตอนนั้นฮอร์โมนนี้ยังถูกกดทับเอาไว้ ไม่สามารถแสดงฤทธิ์เดชได้นั้นเอง
กินน้อยสิดี ชีวิตยืนยาวกว่า
มนุษย์เรามียีนอดอยาก และยีนเซอร์ทูอิน (Sirtuin) หรือยีนอายุขัยที่ทำให้อายุยืน ซึ่งความคิดที่ว่า การกินน้อยทำให้สุขภาพดีและอายุยืนได้ นั้นสอดคล้องกับการทดลองในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะลิงกับหนู ที่พบว่า ปริมาณอาหารที่ถูกจำกัดให้กินลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สัตว์กลุ่มทดลองนี้มีอายุยืนยาวขึ้นราว 1.4-1.6 เท่า และระหว่างนั้นก็มีขนสวยเป็นเงา ผิวหนังเต่งตึง แสดงถึงสุขภาพที่ดี ซึ่งตรงกันข้ามกับกลุ่มทดทองที่มีการให้อาหารอย่างเต็มที่ กลับมีสุขภาพแย่งลงตามอายุ แถมยังมีขนร่วง ผิวหนังเหี่ยวย่น และแก่ชราลงอย่างเห็นได้ชัด
สุดท้ายไม่ว่าจะอย่างไร? การกินอยู่อย่างพอดี ออกกำลังกายอย่างพอเพียง พักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลอารมณ์ให้แจ่มใส ก็เป็นองค์ประกอบสำคัญของการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี!!
129