Get Ready! นี่คือ 5 Facts ที่ควรรู้...ถ้าคุณกำลังจะไปเรียนต่ออังกฤษ

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า “ภูมิ” เป็นเด็กที่จบไฮสคูลจากโรงเรียนนานาชาติที่เมืองไทย และไปเรียนต่อทางด้าน Mechanical Engineering ที่ Imperial College London ซึ่งตอนนี้เขาเพิ่งเรียนจบปี 1 และกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปิดเทอม เราเลยไปแอบขโมยตัวมาให้แชร์ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตนักเรียนไทยในลอนดอนให้ฟังกัน 
 

Fact #1: คนอังกฤษเป็นคน “Work Hard, Party Hard”
ภูมิเล่าว่าสิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้มาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศอังกฤษคือ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนอังกฤษที่สุดในทุกด้าน “ช่วงแรกที่ไปอาจจะยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่พอผ่านไปซักประมาณ 2-3 เดือน เริ่มปรับตัวได้ เรารู้สึกชอบที่คนอังกฤษใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ทำทุกอย่างเร็ว เป็นคนเฮฮา ปาร์ตี้เยอะ ดูมีความสุขกับชีวิต แต่เวลาที่จริงจัง เขาก็เครียดกันจริงๆ เรียกว่า Work Hard, Party Hard ซึ่งแม้แต่เด็กมหาวิทยาลัยเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน” และถึงแม้ว่าจะปาร์ตี้หนักหน่วงขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีคือวินัย ที่ต้องรู้หน้าที่ของตัวเอง เช่น ถึงจะปาร์ตี้หนัก แต่วันรุ่งขึ้นก็ต้องสามารถตื่นมาเรียนหรือมาทำงานได้ตามปกติ

Fact #2: ในการเรียน จะเน้นที่ “ความเข้าใจ” ไม่ใช่แค่ “คำตอบที่ถูก”
อีกอย่างที่เราได้ฟังแล้วก็รู้สึกชอบมาก เรียกว่าเป็นซิกเนเจอร์ในระบบการเรียนแบบอังกฤษนั่นก็คือ การให้ความสำคัญกับ “ความเข้าใจ กระบวนการคิด” ไม่ใช่ “คำตอบที่ถูกต้อง” เหมือนอย่างที่เราคุ้นเคย “ที่มหาวิทยาลัยของผมจะโฟกัสเรื่องของทฤษฏีและความเข้าใจ (Theory & Understanding Concept) เขาไม่ได้อยากได้แค่คำตอบที่ถูก แต่เขาอยากรู้ว่าเราคิดยังไง เข้าใจวิธีการมากน้อยแค่ไหน” และด้วยคอนเซ็ปต์นี้บวกกับความชอบในเรื่องของรถยนต์ทำให้เขาตัดสินใจมาเรียน Mechanical Engineering ที่ลอนดอนเพื่อเดินตามความฝันที่อยากเป็นวิศวกรในบริษัทรถยนต์ ได้คิดค้นสิ่งใหม่ๆ 

Fact #3: “ภาษา” คือเทคนิคการ Make Friend ที่ดีเมื่ออยากมีเพื่อนเป็นชาวอังกฤษ
หลายครั้งที่เด็กไทยไปเรียนเมืองนอกไม่ใช่แค่ประเทศอังกฤษและรู้สึกถึงความแปลกแยก บางครั้งนั่นอาจเป็นเพราะเราเองที่ไม่ยอมทลายกำแพงของภาษาลงก็ได้ ภูมิวิเคราะห์ให้เราฟังว่า “เด็กไทยส่วนใหญ่จะติดพูดภาษาไทยกัน เวลาที่อยู่กันเป็นกลุ่ม ทำให้ต่างชาติหรือคนอังกฤษเองก็ไม่กล้าที่จะเข้ามา เพราะเขารู้สึกว่าเขาพูดไทยไม่ได้ ไม่เข้าใจว่ากำลังพูดถึงอะไรกัน แต่ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษ ต่อให้เป็นคนไทยกันเอง ก็จะช่วยเปิดโอกาสให้เพื่อนต่างชาติรู้สึกกล้าที่จะพูดคุยด้วยมากขึ้น” และแน่นอนว่าการจะมีเพื่อนอังกฤษกับเขาซักคนก็คงไม่ใช่เรื่องยาก 

Fact #4: การทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ให้อะไร “มากกว่า” ที่คิด
ภูมิเองก็เป็นเด็ก undergrad student คนนึงที่ในตอนแรกอาจจะเริ่มทำกิจกรรมด้วยการถูกบังคับ “ตอนแรกเหมือนรุ่นพี่ดึงมาช่วยทำ แต่พอได้ลงมือทำจริงๆ มันทำให้เราเรียนรู้ความสำคัญของการเป็น Team Work และ Communication Skill จากการทำกิจกรรมพวกนั้น” และนั่นทำให้เขารู้สึกสนุกไปกับมัน อย่างล่าสุดตอนนี้เขาก็ได้เข้าร่วมในชมรมแบตมิดตันและชมรม Thai Society ที่แว่วๆ ว่ากำลังจะมีกิจกรรมครั้งใหญ่ในต้นปีหน้า

Fact #5: อังกฤษไม่ใช่สังคมปิด ถ้าเรา “เปิดใจ”
แม้ว่าจะคุ้นชินกับระบบการเรียนหลักสูตรแบบอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เมื่อต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจริงๆ ด้วยตัวคนเดียว ก็ทำให้เขาต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง “ก่อนจะไปเราคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องของ Discrimination เลย เพราะมองว่าลอนดอนเป็นเมืองที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติ ซึ่งความจริงก็อาจจะพอมีอยู่บ้าง แต่ก็เรียกว่าน้อยมาก เราแค่ต้องเรียนรู้ที่จะเปิดใจให้มากๆ อย่าปิดกั้นตัวเอง ต้องเฟรนลี่ รู้จักเข้าหาคน ไม่ใช่รอให้คนอื่นเข้าหาอย่างเดียว” ซึ่งในสังคมของการเรียนในมหาวิทยาลัยก็เหมือนกัน “ในช่วงแรกที่ยังไม่มีใครรู้จักกัน หลายคนอาจจะยังอาย เราก็อาจจะต้องเฟรนลี่ พยายามเข้าหาคนอื่นก่อนบ้าง” นอกจากนี้ภูมิยังปิดท้ายด้วยว่า “ผมมองว่า Open minded เป็นสิ่งที่ทุกคนบนโลกควรทำ”
 

สุดท้ายนอกจากจะเรียนรู้การใช้ชีวิตแล้ว การดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ว่าคุณจะไปอยู่ที่ไหนบนโลกก็ไม่ควรจะละเลย “ผมพยายามจะเฮลท์ตี้ให้ได้มากที่สุด ทำอาหารทานเอง หลังเลิกเรียนก็มีไปออกกำลังกาย ตีแบต วิ่ง เตะบอลบ้าง และก็พยายามนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมง ตื่นมาสมองจะได้เฟรช” นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าเราสามารถมีไลฟ์สไตล์ที่เฮลท์ตี้ได้ แค่ต้องให้ความสำคัญ


 
-->