แชร์ประสบการณ์ 4 ปีกับเส้นทาง ‘นักบินหญิงฝนหลวง’ 1 ใน 5 ของประเทศไทย

วันนี้เรามีโอกาสได้มาพูดคุยกับ คุณไนซ์ - รินทร์ลภัส พรหมสวัสดิ์ หนึ่งในนักบินหญิงจากกรมฝนหลวง เธอเริ่มอาชีพจากการเป็นแอร์โฮสเตส ก่อนที่จะเจอโม้เม้นท์จุดประกายระหว่างทาง ที่ทำให้เธอตั้งเป้าหมายสู่การเป็นนักบิน มาดูกันว่าอะไรที่ทำให้วันนี้เธอได้ก้าวขึ้นมายืนอยู่ในฝูงบินฝนหลวงนี้ได้อย่างสง่างาม



จากแอร์โฮสเตส สู่เส้นทางการเป็น ‘นักบิน’ คุณไนซ์เล่าย้อนให้เราฟังถึงเส้นทางการเป็นนักบินของเธอว่า หลังจากที่เธอเรียนจบปริญญาตรี คณะบัญชี ธรรมศาสตร์ เธอก็ได้เป็นแอร์โฮสเตสที่สายการบินแห่งหนึ่ง “ในช่วงแรกมีโอกาสได้เข้าไปใน Cockpit แล้วรู้สึกว้าวมาก มันสวยมาก เหมือนเป็นโลกอีกใบ มีแผงปุ่มเยอะไปหมด ยิ่งพอได้เห็นช่วงที่ Take Off หรือ Landing มันเหมือนเป็นจุดสปาร์คที่ทำให้เราเริ่มสนใจ อยากรู้ว่านักบินต้องทำอะไรบ้าง และเครื่องบินทำงานยังไง” หลังจากนั้นเธอก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับนักบิน เริ่มหาข้อมูล ศึกษารายละเอียด จนตัดสินใจเรียนนักบินควบคู่กับการทำงานเป็นแอร์โฮสเตส เธอจัดตารางบินของตัวเอง เพื่อให้มีเวลาเรียนนักบินให้ได้มากที่สุด และแม้ว่าเธอจะลงเรียนแบบ Part-Time แต่ด้วยความมุ่งมั่น เธอก็สามารถเรียนจบนักบินได้เหมือนกับคนที่เรียน Full-time ภายในระยะเวลา 1 ปี 

“ช่วงนั้นเราสามารถแลกตารางบินได้ เราก็จะเลือกไฟล์ทที่ไปแล้วกลับเลย เพื่อให้ตัวอยู่กรุงเทพฯ เราจะได้เอาเวลาไปเรียน ด้วยความที่เราเรียนพาร์ทไทม์ เราสามารถเลือกจัดการตารางเวลาว่างเพื่อลงเรียนเองได้ เพราะเราก็อยากทำให้ได้ดีทั้งสองอย่าง เมื่อเรียนแล้วเราก็อยากจบพร้อมเพื่อน 1 ปี ก็พยายามบินไฟล์ทกลางคืนกลับเช้า หรือบินไฟล์ทยุโรป เพื่อให้ได้วันหยุดเยอะ เพื่อที่ตัวเราจะได้อยู่กรุงเทพฯ เยอะ จะได้มีเวลาเรียน”

แม้ในโมเม้นท์ที่เหมือนจะหมดหวัง แต่ก็ยังมี ‘โอกาส’ ให้มองเห็น เธอเล่าว่าหลังจากที่เรียนจบและได้ CPL License (Commercial Pilot License) มาแล้ว ตอนนั้นกลับเจอกับสถานการณ์โควิด ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินโดยตรง สายการบินต่างๆ เริ่มมีการ lay-off คนออก หรือเริ่มให้นักบินหยุดงาน “ตอนนั้นจะมีแค่กรมฝนหลวงเท่านั้นที่เปิดรับนักบิน ซึ่งเป็นจังหวะและโอกาสที่ดีมาก เพราะว่าเราเพิ่งเรียนจบมา เราก็ไม่อยากห่างหายจากการบิน เพราะเราก็กลัวว่าทักษะมันจะหายไปถ้าทิ้งไว้นานๆ” และเธอก็ตัดสินใจยื่นสมัครที่กรมฝนหลวง ซึ่งมีการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ สอบบินจริงกับเครื่องบิน จนสุดท้ายผ่านทุกขั้นตอนและได้ทำงานที่กรมฝนหลวงในฐานะนักบิน



ก้าวแรกกับภารกิจของการเป็น ‘นักบินฝนหลวง’ แน่นอนว่าในการเป็นนักบินสายพาณิชย์กับนักบินฝนหลวงย่อมแตกต่างกัน เธอเล่าว่านอกจากความรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน ระบบต่างๆ ทาง electronic หรือว่าภายนอก ระบบโครงสร้างของเครื่องบิน ระบบการทำงานต่างๆ แล้ว เธอต้องเรียนตำราของฝนหลวง เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ความเข้าใจมาใช้ในการปฏิบัติภารกิจ “ในช่วง 2 ปีแรกเราบินเครื่อง caravan เป็นเครื่องบอนแบบหนึ่งของฝนหลวง โดยรุ่นนี้จะมีจุดเด่นคือ จะบินหมู่พร้อมกัน 3 ลำ บินไม่เกิน 10,000 ฟุต ก่อนที่ 2 ปีหลังจะเปลี่ยนมาบิน Super King Air 350 ซึ่งจะเป็นเครื่องที่บินสูงสุดของฝนหลวง ที่บิน 20,000 ฟุต ทำภารกิจเมฆเย็น สลายลูกเห็บ ต่างๆ” เพราะฉะนั้น เธอต้องเรียนเกี่ยวกับการทำเมฆต้องทำยังไง สารที่ใช้มีสารอะไรบ้าง สูตรอะไรบ้าง มีหลักในการบินยังไง ซึ่งต้องมีการเรียนเพิ่มเติม

“ปกติเวลาเราขึ้นไปบิน ก็จะมีนักวิชาการขึ้นไปกับเรา ซึ่งนักวิชาการ จะเป็นคนวางแผนว่า จุดไหน พิกัดไหนที่เราจะต้องบินไปทำฝน นอกจากจะพิจารณาเกี่ยวกับสภาพอากาศ หรือว่าระดับน้ำในเขื่อนจุดไหนที่เราต้องการให้ฝนตกก็จะมีชาวบ้านที่เขาร้องขอเข้ามาว่าเขาต้องการฝน แล้วก็จะมีการกำหนดจุดเราก็จะบินไปทำตรงจุดนั้น ในแต่ละโซนของแต่ละจังหวัด” 

‘สภาพอากาศ’ ประสบการณ์ที่ท้าทายในทุกๆ วัน “สิ่งที่ท้าทายก็คือการทำฝนหลวง เป็นการบินหรือการทำงานกับสภาพอากาศ ซึ่งมันไม่แน่นอน แม้ว่าเราจะศึกษาหรือว่าวางแผนไปแล้วอย่างดี แต่มันก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด เหมือนมันเหนือการควบคุม อีกอย่างคือเราจะต้องบินเข้าไปในพื้นที่ที่มีเมฆ หรือว่าบินเข้าเมฆ ซึ่งปกติแล้วเราเรียนมาเราจะไม่บินเข้าเมฆเพราะว่าอากาศมันแปรปรวน ซึ่งเราจะต้องรับมือให้ได้ว่าพอเราบินเข้าไป ถ้าเกิดอยู่ๆ เราเสียความสูง เราจะแก้ไขยังไง หรือว่าการบินทำฝนเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บางทีเราจำเป็นจะต้องบินใกล้ภูเขามากๆ เราก็ต้องวางแผนให้ดีว่าถ้าเกิดเราเสียความสูง อย่างน้อยทุกคนต้องปลอดภัย เราต้องรู้ทางหนีทีไล่ เวลาเข้าไปเราต้องเห็นทางออก เราอาจจะต้องบินวนดูก่อนว่าเมฆมันก่อตัวยังไง ทางไหนที่มันออกได้ แล้วออกไปคือเห็นอะไรอันเนี้ยคือสิ่งที่ท้าทาย”



‘สติ’ สิ่งสำคัญของการเป็นนักบิน เธอแชร์ว่าในการเป็นนักบิน ‘สติ’ คือสิ่งที่สำคัญมาก กับการมี Situation Awareness “เราจะต้องรู้ทันเครื่องแล้วก็คิดก่อนเครื่องเสมอ  ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งประสบการณ์จะสอนได้เยอะ ยิ่งคนที่บินมานานประสบการณ์ยิ่งเยอะ นอกจากฝีมือหรือทักษะที่มันจะมาตามชั่วโมงการบินที่เราเก็บไปเรื่อยๆ แต่ว่าพอเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินตัวประสบการณ์เนี่ยแหละ จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ ได้ดี” และสำหรับใครที่คิดว่าเครื่องบินมันมีระบบ auto pilot แต่เธอแชร์ว่านักบินจะต้องรู้ว่า auto pilot มันทำอะไร ต่อไปมันกำลังจะทำอะไร เราจะต้องควบคุมให้ได้ อย่างเช่นถ้ามันเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเราต้องเป็นคนแก้ และการบินทำฝน เธอบอกว่าไม่สามารถบิน auto-pilot ได้

นอกจากสติแล้ว ‘วินัย’ ก็เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมาก “เราจะต้องมีวินัย โดยเริ่มจากตัวเอง ทั้งในเรื่องของการดูแลสภาพร่างกายแล้วก็จิตใจตัวเองให้พร้อมบิน อาจจะต้อง strict กับตัวเอง เพื่อปฏิบัติตามกฎการบินแล้วก็กฎระเบียบของบริษัท นอกจากนั้นก็คือความรู้ นักบินจะต้องบินด้วยความรู้ คือนอกจากว่าเรารู้จักตัวเองว่าเราบกพร่องในเรื่องไหน เราก็ต้องหัดใฝ่หาความรู้ พัฒนาตัวเอง เราจะต้องรู้จักเครื่องบินที่เราบิน ว่าระบบต่างๆ ของเครื่องบินทำงานยังไง ขีดจำกัดของเครื่องบิน แล้วก็การทำงานเป็นทีม เพื่อนร่วมงานของเรา เพราะว่าจริงๆ แล้วเราไม่ได้บินกันแค่สองคนหรือไม่ได้บินคนเดียว” แน่นอนว่าทุกอาชีพมีความเสี่ยง แต่การจะเป็นนักบินที่ดี เธอบอกว่าจะต้องจัดการบริหารความเสี่ยงให้มันต่ำที่สุดให้ได้

 
.

ความภูมิใจของเส้นทางของการเป็น ‘นักบินฝนหลวง’ เมื่อถามถึงความภูมิใจในวันนี้กับเส้นทางอาชีพนักบินฝนหลวง เธอตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “อย่างแรกก็คือรู้สึกเป็นเกียรติแล้วก็ภูมิใจมาก เพราะว่าการทำงานตรงนี้มันเป็นการทำงานภายใต้ปณิธานของรัชกาลที่ 9 หลักๆ คือเราได้ช่วยเหลือคนอื่น ได้เหมือนบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ อย่างเช่น การบินทำฝนเนี่ยมองว่า มันคือเป็นความหวัง ยิ่งเราออกไปทำงานที่ต่างจังหวัดเราจะเห็นเลยว่ามันเป็นเหมือนความหวัง เป็นน้ำที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตคน มันมีคุณค่าทางใจมากสำหรับหลายๆ คน เหมือนกับเราทำให้จิตใจของเขาชุ่มชื้นไปด้วย แล้วก็ที่สำคัญที่สุดคือ นอกจากที่เราจะได้ทำในอาชีพที่เราฝันแล้วคือการเป็นนักบิน เรายังได้ช่วยเหลือคนอื่นไปในตัวด้วย อันนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

และก่อนจะจบการสัมภาษณ์เธอยังแชร์ว่าสำหรับคนที่อยากจะเป็นนักบินนั้น ไม่ยาก ขอแค่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง “การเป็นนักบิน ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือชายก็สามารถทำได้ ขอแค่มีความตั้งใจ มุ่งมั่นแล้วก็พยายามอย่างจริงจัง และนักบินต้องมีความแอคทีฟ รู้จักพัฒนาตัวเอง เรียนรู้อยู่ตลอด หยุดนิ่งไม่ได้ เพราะว่าความรู้ของเครื่องบินมันก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไป หรืออย่างกฎการบินที่เราต้องปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นในประเทศไทยหรือว่าต่างประเทศหรือว่าที่ข้อกำหนดของทั่วโลก มันก็มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาอยู่เสมอคือเราต้องตามให้ทัน และอีกอย่างที่สำคัญมากของการเป็นนักบินคือ การทำงานเป็นทีม  การทำงานร่วมกับคนอื่น”


 
-->