รักษาแผลกดทับก่อนลุกลามรุนแรง...ด้วยเทคนิค “เลเซอร์กำลังสูง”



ครอบครัวไหนที่เคยผ่านการดูแลผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวหรือผู้สูงอายุ อาจจะคุ้นเคยกันดีกับปัญหาเรื่อง “แผลกดทับ” ที่ถ้าปล่อยให้เรื้อรังนานๆ ก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อที่กระดูกและข้อต่อ ซึ่งอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ตอนนี้ได้มีนวัตกรรมในการรักษาแผลกดทับอย่าง “เลเซอร์กำลังสูง” ที่สามารถเห็นผลได้ทันทีตั้งแต่ทำการรักษาในครั้งแรก!



ทำความเข้าใจกันก่อน “แผลกดทับ” คืออะไร?
ความหมายของแผลกดทับนั้น...ก็เรียกได้ตรงตามชื่อเลย ก็คือเมื่อผิวหนังหรือเนื้อเยื่อถูกกดทับเป็นเวลานาน ก็จะทำให้ผิวหนังหรือเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลาย เกิดเป็นเนื้อตายและแผลขึ้นนั่นเอง ซึ่งอวัยวะที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับได้ง่าย มักเป็นบริเวณที่ไม่มีไขมันปกคลุมผิวหนังมากและได้รับแรงกดทับโดยตรง เช่น ไหล่ ข้อศอก ข้อเท้า หรือก้น เป็นต้น

เช็กความรุนแรงของแผลกดทับ...ว่าอยู่ในระดับไหน
ระดับที่ 1 เป็นระดับที่ผิวหนังมีการเปลี่ยนสี อาจเป็นสีแดงสำหรับคนที่มีผิวขาว และสีม่วง เขียว สำหรับคนที่มีผิวคล้ำ ซึ่งถ้าใช้นิ้วกดลงไป...แผลจะยังเป็นสีแดงไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว 
ระดับที่ 2 เป็นระดับที่ผิวหนังกำพร้าบางส่วนและหนังแท้ถูกทำลาย ส่งผลให้ผิวมีการหลุดลอกเหมือนแผลเปิดหรือมีแผลตุ่มน้ำพอง ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บแผลมากขึ้น
ระดับที่ 3 เป็นระดับที่สูญเสียผิวหนังทั้งหมด ทำให้แผลมีลักษณะเป็นโพรงลึก 
ระดับที่ 4 เป็นระดับที่รุนแรงที่สุด เพราะไม่ใช่แค่ผิวหนังมีการเสียหายอย่างรุนแรง เนื้อเยื่อโดยรอบเริ่มตาย แต่กล้ามเนื้อหรือกระดูกที่อยู่ข้างใต้ก็อาจได้รับความเสียหายไปด้วยเหมือนกัน 

“เลเซอร์กำลังสูง” ทางเลือกการรักษาแผลกดทับ...ที่ฟื้นฟูถึงระดับเซลล์!
เมื่อก่อนนั้นกระบวนการรักษาแผลกดทับ จะใช้วิธีการควบคุมด้านโภชนาการ มีการทำความสะอาดรักษาแผล และหมั่นพลิกตัวคนไข้เป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งการรักษาวิธีดั้งเดิมนี้จะใช้ระยะเวลาในการรักษานาน 6-12 เดือน เลยทีเดียว แต่ในการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์กำลังสูง (High Power Laser) จะช่วยให้การรักษาผู้ป่วยแผลกดทับ...เห็นผลทันทีตั้งแต่การรักษาครั้งแรก! และหากทำการรักษาด้วยเครื่องเลเซอร์ควบคู่กับการรักษาวิธีปกติ พบว่าสามารถลดระยะเวลาในการรักษาให้เหลือเพียง 3 เดือนเท่านั้น เนื่องจากพลังงานเลเซอร์มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูได้ลึกถึงระดับเซลล์ ดังนี้
  • Photochemical effects กระตุ้นเอนไซม์ระดับเซลล์ ช่วยให้กระบวนการแลกเปลี่ยนการเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงกระตุ้นกระบวนการต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการต้านการอักเสบ ป้องกันการบวม และบรรเทาอาการปวด
  • Photothermal effects ทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเนื้อเยื่อ...ส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น อาการปวดลดลงและช่วยต้านการอักเสบที่เกิดขึ้นได้
  • Photomechanic effects ทำให้เนื้อเยื่อเกิดความยืดหยุ่นแบบ Tensine wave แล้วผลักสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบออกไป พร้อมกับช่วยในเรื่องการเรียงตัวและการประสานของเนื้อเยื่อ

และด้วย 3 effects ดีๆ ที่เกิดขึ้นจากเลเซอร์กำลังสูงนี้! แผนกกายภาพ รพ.เปาโล เกษตร จึงได้นำเทคนิคนี้มาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในรักษาที่ครอบคลุมทั้งในเรื่องการลดอาการปวด ลดบวม ลดการอักเสบ และกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสามารถรักษาได้ทุกช่วงระยะ ทั้งกลุ่มเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน ไปจนถึงผู้ที่มีอาการอักเสบเรื้อรังเลยทีเดียว



 
-->