เมื่อชีวิต กำลังโดน ‘ฝุ่น PM 2.5’ ทำร้าย จะสู้ยังไง ให้อยู่รอด

หมองจางๆ และควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้…แต่ที่รู้แน่ๆ คือที่เห็นกันอยู่ตอนนี้มันไม่ใช่หมอกแต่มันคือฝุ่น PM ตัวดีนี่แหละ ที่ทำให้หลายคนเกิดอาการแพ้ไปตามๆ กัน วันนี้เราเลยมีโอกาสไปพูดคุยกับ นพ.จิรวัฒน์ เชี่ยวเฉลิมศรี อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก รพ.พญาไท 2 เกี่ยวกับเรื่องนี้กัน


 
ทำไม? ช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 ถึงกลับมาหนาแน่นกันอีกครั้ง
รู้สึกเหมือนเรามั้ยว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฝุ่นนี้เหมือนจะเบาบางลงไปแล้ว แต่ทำไมจู่ๆ มันก็พรั่งพรูกลับมาโจมตีชั้นบรรยากาศให้ปวดใจกันอีกครั้ง ซึ่งคุณหมอจิรวัฒน์ก็ได้อธิบายให้เราฟังว่า ปัจจัยที่ทำให้ฝุ่น PM 2.5 กลับมาหนาแน่นอีกครั้งนั้นมีอยู่ 2 ปัจจัยใหญ่ๆ คือ 
 
          #1 สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงหน้าหนาว 
คุณหมออธิบายให้เราเห็นเป็นภาพว่าด้วยสภาพอากาศทั่วไปแล้ว พื้นโลกจะร้อนกว่าสภาพอากาศด้านบน ดังนั้นอากาศร้อนจะถูกยกตัวขึ้น และลมก็จะพัดมาแทนที่ก๊าซมลพิษ ทำให้มลพิษถูกพัดกระจายตัวออกไป แต่ในช่วงหน้าหนาวนั้น อุณหภูมิที่พื้นดินจะต่ำ ในขณะที่สภาพอากาศด้านบนยังคงมีแสงอาทิตย์แผ่ลงมาเท่าเดิม ซึ่งหมายความว่าความหนาแน่นของอากาศด้านล่างจะมีมากกว่าด้านบน เลยทำให้อากาศไม่สามารถลอยตัวขึ้นไปได้อย่างเต็มที่ บวกกับช่วงเวลากลางคืนที่อุณหภูมิลดลง ทำให้ความชื้นกลั่นตัวเป็นหมอกมากดฝุ่นควันในอากาศไว้ไม่ให้ลอยขึ้นไปอีก ทำให้สภาพอากาศที่มีมลพิษเหมือนถูกกดทับให้อยู่นิ่งขยับตัวไม่ได้ในช่วงฤดูนี้ โดยเขาเรียกลักษณะนี้ว่า ‘ลักษณะอากาศปิด’ นั่นเอง
 
          #2 มีการกระตุ้นให้เกิดฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้น
นอกจากความเป็นไปของอากาศแล้ว ในช่วงหน้าหนาวก็มักจะชอบมีการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย เผาขยะต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือของประเทศ ยังไม่รวมถึงประเทศรอบข้าง ซึ่งเมื่อบวกกับการเพิ่มขึ้นของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ในเมืองจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ดีเซลที่มากขึ้นทุกวันๆ โดยเฉพาะรถหรือเครื่องยนต์ที่ไม่ดีมีการตรวจเช็คอย่างสม่ำเสมอแล้ว งานนี้ฝุ่นก็ทวีคูณขึ้นไปแบบอัลลิมิต
 
เมื่อรู้แล้วว่ามีปัจจัยอะไรที่ไปกระตุ้นทำให้ฝุ่นกลับมาอีกครั้ง คราวนี้เราก็จะพามาดูวิธีดูแลตัวเองว่า แล้วจะทำยังไง ให้เราสามารถมีชีวิตรอดได้อย่าง Healthy ในสถานการณ์ที่ฝุ่น PM 2.5 หนาแน่นเบอร์นี้
 
ทำยังไง? ให้พร้อมสู้ฝุ่นอย่าง Healthy 
ก่อนอื่นเลยคุณหมอแนะนำว่า เราต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงดื่มน้ำให้มากๆ ทานผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (ฝรั่ง แคนตาลูป มะเขือเทศ อะไรก็ได้เลย) และพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ค่าของฝุ่น PM 2.5 พุ่งเกินมาตรฐาน โดยอาจจะสลับมาเป็นออกกำลังกายในอาคารแทนจะดีกว่า รวมถึงประตูหน้าต่างก็ต้องปิดให้สนิท เพื่อป้องกันการเล็ดลอดของฝุ่นเข้ามาในอาคาร
 
‘ยิ่งในผู้ป่วยกลุ่มโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบและหอบหืด ควรใช้ยาสูดทางปาก และยาพ่นจมูกต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ หรืออาจจะล้างจมูกเพื่อช่วยลดฝุ่นในทางเดินหายใจส่วนบนและสารก่อภูมิแพ้เพื่อช่วยอีกทาง’
 
ถ้าจำเป็นต้องออกข้างนอก นี่คือวิธีป้องกัน!
สำหรับใครที่รู้สึกว่าด้วยภาระหน้าที่หรือมีความจำเป็นจะต้องใช้ชีวิตข้างนอก ทำให้ต้องสัมผัสกับกองทัพฝุ่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นพ.จิรวัฒน์ ก็ได้แนะนำวิธีป้องกันตัวเองไว้ให้ว่า ‘ควรใส่หน้ากากประเภทที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้ เช่น หน้ากาก N95 ที่ได้มาตรฐาน ทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งภายนอกอาคาร และควรศึกษาวิธีสวมหน้ากาก N95 อย่างถูกต้องร่วมด้วย’ ในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนัง คุณหมอก็แนะนำให้ใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายอย่างมิดชิด และทันทีที่กลับเข้ามาภายในบ้านหรืออาคาร แนะนำให้รีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อกำจัดฝุ่นจากภายนอกที่อาจติดมากับเสื้อผ้าหรือร่างกาย 
 
อุปกรณ์เสริม! มีติดไว้บ้าง ก็ดี
เมื่อเราถามคุณหมอว่าพอจะมีอุปกรณ์หรือตัวช่วยเสริมอะไรบ้างมั้ยที่ช่วงนี้ควรมีติดไว้ข้างตัวบ้าง คุณหมอก็แนะนำเลยว่า นอกจากจะเป็นหน้ากากประเภทที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้แล้ว อย่างเช่น หน้ากาก N95 ที่ควรจะพกติดตัวและสวมใส่ทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกไปภายนอกอาคาร การใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA (High efficiency particulate air) filter ก็จะช่วยกรองฝุ่น PM 2.5 ภายในอาคารได้
 
เป็นยังไงกันบ้าง รู้สาเหตุกันไปแล้วว่าทำไมจู่ๆ ช่วงนี้กองทัพฝุ่น PM 2.5 ถึงกลับมาหนาแน่นอีกครั้ง รวมถึงวิธีดูแลตัวเองให้มีชีวิตรอดอย่าง Healthy จากมรสุมฝุ่น PM ใครที่มีเทคนิคดีๆ ก็อย่าลืมมาแชร์กันด้วยนะ

 
-->