3 สิ่งที่มนุษย์ออฟฟิศควรทำ



ถ้าไม่นับการนอนอยู่บนเตียงแล้ว มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาอยู่ในออฟฟิศมากกว่าครึ่ง ถ้าใครอยู่ในสภาวะเช่นนี้ ลองหันมาจัดระบบชีวิตใหม่ให้เป็นมนุษย์เงินเดือนสายเฮลท์ตี้ดีกว่า
 
1.สะสางงานเท่ากับสะสางความเครียด
เมื่อไม่นานมานี้ มีการสำรวจระบาดวิทยาสุขภาพจิตคนไทย พบว่า มีคนเป็นโรคซึมเศร้าถึง 9 แสนคน และอีก 1.6 ล้านคนเป็นโรควิตกกังวล แน่นอนว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเรื่องงาน ตราบใดที่งานยังค้างคาสมองก็จะต้องทำงานหนัก คอยจดจำและนึกทบทวนอยู่บ่อยครั้งด้วยความกังวล ดังนั้น การจดบันทึก การจัดลำดับความสำคัญ พร้อมกับการลงมือทำอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยลดความเครียดได้ เมื่อจัดสรรเวลาได้แล้ว คุณก็จะสนุกกับการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก สุขภาพจิตดีขึ้น ส่งผลให้สุขภาพกายดีตามไปด้วย ใครที่ยังชอบทำงานไปเรื่อยๆ ตามอารมณ์ นึกอะไรออกก็ค่อยทำ ควรหันมาวางแผนการทำงานอย่างมีเป้าหมายจะดีกว่า
 
2.ห้องน้ำออฟฟิศแหล่งแพร่โรค
ในแต่ละวันห้องน้ำในออฟฟิศที่เราใช้นั้นมีคนใช้ร่วมกันกี่คน แน่นอนว่ามันคือแหล่งแพร่เชื้อโรคตัวร้าย ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำจึงควรล้างมือให้สะอาด การล้างมือด้วยน้ำเปล่าช่วยขจัดเชื้อโรคได้กว่า 70%  แต่หากใช้สบู่ด้วยก็จะช่วยชะล้างเชื้อโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้กว่า 90% เลยทีเดียว ให้ดีไปกว่านั้นควรล้างมือทันทีเมื่อถึงออฟฟิศและก่อนมื้ออาหาร การล้างมือสำคัญแค่ไหน  บอกได้เลยว่า ตั้งแต่ปี 2008 ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการล้างมือ โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติได้กำหนดให้วันที่ 15 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันล้างมือโลกเลยล่ะ
 
3.อุปกรณ์สะอาด ร่างกายสบาย
ห้องน้ำที่ว่าสกปรกแล้ว ยังมีสิ่งใกล้ตัวที่สกปรกกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยอริโซน่า ในอเมริกา เผยผลสำรวจว่า อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่าง “คีย์บอร์ด” และ “โทรศัพท์มือถือ” เป็นสิ่งสกปรกใน 5 อันดับแรก และก็เชื่อได้ว่า อะไรก็ตามบนโต๊ะทำงานคือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี เราจึงควรทำความสะอาดด้วยการหาแอลกอฮอล์มาเช็ดเป็นประจำ รวมถึงอากาศในออฟฟิศ ก็หาช่างมาล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศบ้าง หากวันไหนเกิดเจ็บป่วยก็ควรหยุดงาน และถ้ามีเพื่อนร่วมงานป่วยด้วยโรคที่แพร่เชื้อได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไว้ และไม่ลืมที่จะใช้วันลาพักร้อนเพื่อพักผ่อนกายใจบ้าง แต่ต้องเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อนลานะ



 
-->