เธอถูกจู่โจมด้วยโรค “ปอดรั่วเฉียบพลัน” แบบที่ไร้สัญญาณเตือนใดๆ ให้ตั้งตัว

ใครบ้างจะคิดว่าผู้หญิงที่ดูสดใสสุขภาพดี ออกกำลังกายเป็นประจำคนนี้ เกือบต้องเสียชีวิตเพราะปอดรั่วเฉียบพลัน โรคที่ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทั้งยังตรวจไม่พบ และหากถึงมือหมอช้าก็มีสิทธิ์หัวใจล้มเหลว...นี่เป็นสถานการณ์ที่กระปุก - ณัฐพร คูวุฒยากร วัย 30 ปี ผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งได้เผชิญและฝ่าฟันมาได้





อยู่ดีๆ ก็เหนื่อยหอบ เจ็บหน้าอกเหมือนมีเข็มแทงกลางอก
กระปุก เล่าว่าเธอเป็นคนแข็งแรงคนหนึ่ง ไม่มีโรคประจำตัวใดๆ แถมยังออกกำลังกายเป็นประจำ กระทั่งช่วงปลายปี 2560 ขณะยังเป็นสาวออฟฟิสรับผิดชอบงานด้านสื่อโฆษณาขององค์กร เช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกแน่นหน้าอกข้างขวา ไม่สามารถหายใจลึกๆ ได้ ตอนนั้นคิดว่าเป็นการเจ็บกล้ามเนื้อเพราะนอนทับ แต่ระหว่างขับรถไปทำงานเริ่มรู้สึกหายใจไม่สะดวก กระทั่งช่วงสายคิดว่าไม่ไหว รู้สึกเหนื่อยหอบมากจึงไปนอนพัก แต่ยิ่งนอนยิ่งเจ็บช่วงอกมากกว่าเดิม เหมือนมีเข็มมาจิ้มลึกลงไปกลางอก นอนแล้วหายใจไม่ออก จึงตัดสินใจขับรถไปโรงพยาบาล

“ก่อนจะมีอาการในเช้าวันนั้นเราก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติ ไม่ได้ทำอะไรหนัก อยู่ๆ จะเป็นก็เป็น”

ปอดข้างขวามีรูรั่ว ต้องเจาะช่องอกระบายอากาศทันที
เมื่อถึงโรงพยาบาล อายุรแพทย์ก็ตรวจร่างกาย หลังจากฟังเสียงปอดแล้วไม่ได้ยินเสียงปอดข้างขวาทำงาน จึงถูกส่งตัวไปเอ็กซเรย์ พบว่าปอดฟีบลง หมอบอกว่าเป็นปอดรั่วทันที ต้องปฐมพยาบาลด้วยการเจาะช่องอกระหว่างซี่โครงเพื่อระบายลมที่รั่วจากปอดออกมา ถ้าไม่รีบทำลมจะไปดันปอดข้างซ้ายและดันขั้วหัวใจ อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน ขนาดรูรั่ว และปอดข้างที่มีรู “โชคดีที่เรารั่วข้างขวา เพราะถ้ารั่วข้างซ้าย อากาศที่รั่วออกมาจะไปดันขั้วหัวใจได้ง่ายกว่า”

ทั้งกลัวและเจ็บ แต่ตัดสินใจผ่าตัดทันทีเพราะมีครอบครัวเคียงข้าง
“ตอนที่หมอบอกว่าปอดรั่ว ต้องแอดมิทและผ่าตัดด่วน เราพยายามนิ่งที่สุดแล้วโทรบอกแม่ กลัวท่านเป็นห่วงเพราะกะทันหันและอาการดูร้ายแรง แม่ตกใจมากแล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที จากที่เรานอนอยู่บนเตียงฉุกเฉินนิ่งๆ พอเห็นหน้าแม่แล้วร้องไห้ทันที  ตอนนั้นเรากลัวมาก เจ็บมากด้วย แต่ตัดสินใจผ่าทันทีเพราะมีพ่อแม่ มีครอบครัวคอยให้กำลังใจ ดูแลทุกอย่าง ส่วนคุณหมอก็อธิบายละเอียดทุกขั้นตอน ทำให้ไม่รู้สึกกลัวและผ่านช่วงนั้นมาได้ ถ้าไม่ผ่าตัดก็ไม่รู้ว่าจะหายเมื่อไหร่และมีโอกาสเป็นซ้ำ ตอนนั้นวางแพลนไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัว ต้องไปขึ้นเขา เจอหิมะ อากาศหนาวติดลบ ความกดอากาศต่ำ ซึ่งค่อนข้างเสี่ยงกับปอด จึงตัดสินใจผ่าตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นครั้งต่อไปหรือเป็นระหว่างเดินทาง



หลังการผ่าตัด ต้องฝึกหายใจเพื่อให้ปอดข้างขวากลับมาปกติอีกครั้ง
ระหว่างรอผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น ต้องนอนอยู่เฉยๆ เพราะมีท่อระบายลมอยู่ตรงช่วงอก หมออธิบายว่าเป็นการผ่าบริเวณที่มีรูรั่วออก แล้วขูดผนังปอดให้เป็นแผลเพื่อให้เกิดเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ผสานเนื้อปอดโดยรอบให้ติดกัน อาจฟังดูโหดร้ายแต่เป็นวิธีที่ป้องกันได้มากกว่า 90% และแม้ปอดจะรั่วก็ไม่ยุบลงมาเพราะถูกตรึงด้วยผนังปอด ส่วนปอดข้างซ้ายที่ยังไม่มีอาการก็มีโอกาสเป็นได้ ต้องหมั่นสังเกตตัวเอง

หลังผ่าตัด ต้องอยู่ห้องไอซียู 1 คืนและพักฟื้นที่โรงพยาบาล 5 วัน นอนนิ่งๆ ห้ามขยับเขยื้อนตัว เอ็กซเรย์ปอดวันละหลายครั้งเพื่อดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ระหว่างนั้นต้องทำกายภาพให้ปอดกลับมาทำงานเหมือนเดิมเพราะปอดข้างขวาฟีบลง ไม่เหลืออากาศเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยอุปกรณ์ช่วยหายใจเป็นการดูดลูกปิงปองให้ขึ้นมาตามท่อ ฝึกทุกวันๆ ละหลายครั้ง ให้ปอดขยายเต็มที่ และถ้าไม่ฝึก ปอดอาจไม่กลับมา



หมออนุญาตให้เที่ยวได้หลังผ่าตัด 6 เดือน เพราะปอดฟื้นตัวเร็วและทำงานได้เต็มที่
เมื่อออกจากโรงพยาบาลต้องพักฟื้นที่บ้าน 1 เดือน โดยหมอสั่งห้ามใช้แรง ห้ามออกกำลังกายเพราะมันคือทรวงอกทั้งแผง ตอนนั้นเจ็บช่วงอกจนไม่สามารถใส่เสื้อในได้ ไม่สามารถนอนตะแคง เวลาไปทำธุระนอกบ้านจะเหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยหมอนัดตรวจทุก 2-3 วัน เพื่อดูว่าแผลมีอาการอักเสบหรือเปล่า ปอดทำงานได้เต็มที่หรือมีรอยรั่วเพิ่มขึ้นหรือไม่ เราใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนกว่าจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

คุณหมอนัดติดตามอาการเป็นประจำ จากทุก 2-3 วันเป็นทุกสัปดาห์ และทุกเดือน ซึ่งผลการรักษาออกมาดี เราฟื้นตัวเร็ว ปอดทำงานได้เต็มที่ อาการอักเสบก็ลดลง เมื่อผ่านไป 6 เดือน คุณหมอก็อนุญาตให้ไปเที่ยวกับครอบครัวได้ ซึ่งตอนนี้หมอนัดตรวจทุกปีเพื่อลดความเสี่ยงและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น

ปอดรั่วเฉียบพลัน โรคที่เกิดขึ้นทันทีแบบไม่มีสาเหตุ
กรณีของกระปุก เธอเล่าว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นทันทีแบบไม่มีสาเหตุ ตรวจไม่พบ ทำให้ไม่รู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไร หมอสันนิษฐานว่าปอดอาจไม่แข็งแรงหรือมีเนื้อเยื้อใสๆ ที่ปอด แล้ววันหนึ่งเนื้อเยื่อนั้นแตกออก ทำให้ปอดรั่ว สามารถเกิดได้กับทุกคนแต่ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนรูปร่างผอมสูง ไม่สามารถเช็คอัพเจอได้



ข้อคิดจากการป่วยครั้งนี้ “การออกกำลังกาย คือต้นทุนสุขภาพที่เราสร้างได้เอง”
กระปุก บอกว่าการป่วยครั้งนี้สอนเราเยอะมาก ก่อนหน้านี้ออกกำลังกายเพราะคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ อย่างการวิ่ง การปีนผาจำลอง ยิ่งเข้าโรงพยาบาลยิ่งเห็นความสำคัญ เพราะบางโรคไม่สามารถป้องกันได้แต่รักษาให้หายได้ การออกกำลังกายเป็นประจำจึงช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วกว่า หลังจากผ่าตัดและใช้ชีวิตได้ตามปกติจึงเริ่มเล่นโยคะ เพราะก่อนหน้านี้กล้ามเนื้อช่วงอกไม่มีแรง ต้องยืดเพื่อให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยโยคะจะเน้นการหายใจและฝึกกล้ามเนื้อช่วงอกได้ เราฝึกครั้งละชั่วโมงครึ่ง สัปดาห์ละ 3-4 วัน และถ้าวันไหนมีเวลาว่างก็จะไปวิ่ง 

เรื่องราวของกระปุกทำให้เห็นว่าแม้เราจะไม่ประมาทและดูแลตัวเองให้แข็งแรง แต่ก็มีโอกาสล้มป่วยจนต้องเข้าห้องไอซียูได้ แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ฟื้นตัวเร็วคือการออกกำลังกาย โดยกระปุกมองว่าเป็นต้นทุนที่เราสร้างให้กับตัวเองได้
-->