นนท์-ธนนท์ ผู้ชายที่เชื่อว่าการตั้งใจกับทุกสิ่งตรงหน้า…เป็นการต่อยอดสู่อนาคตที่ดี



อีกหนึ่งตัวอย่างของคนวัยทเวนตี้ซัมติงที่มีความคิดน่าทึ่งโตเกินอายุ สำหรับ “นนท์-ธนนท์ จำเริญ ” หรือ นนท์-เดอะว๊อยซ์ บอกเลยว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา วันนี้เขามาพร้อมกับมายด์เซ็ตที่น่าทึ่ง เปิดอกเผยมุมมองใหม่ๆ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ ใครที่อยากสัมผัสความเป็นนนท์แบบเรียลๆ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น

การเป็นศิลปิน “ไม่ใช่” เป้าหมายแรกของชีวิต
“ผมไม่ได้อยากเป็นนักร้องตั้งแต่แรกครับ ความฝันคืออยากเล่นดนตรี อยากแต่งเพลง เพราะสมัยก่อนดูรายการเพลง แล้วรู้สึกว่าอยากจะเล่นดนตรีให้มันส์ๆ เหมือนกับพี่ๆ ศิลปินยุคนั้น ผมเห็นว่าศิลปินทุกท่านเอ็นจอยกับสิ่งที่เขาทำมาก เลยอยากเป็นแบบนั้นบ้าง ผมแค่อยากเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ”  

“การมุ่งสู้เป้าหมาย” คือสิ่งที่ทำให้ไม่เคยหยุดฝัน
มีใครรู้บ้างว่าก่อนจะมาเป็นนนท์ที่เรารู้จัก เขาเคยแพ้การประกวดเวทีมานับไม่ถ้วน “ทุกครั้งที่ขึ้นประกวดไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องได้รางวัลกลับมา ตอนนั้นผมอายุยังน้อย เวทีประกวดมันก็มีไม่มาก โอกาสเลยไม่เยอะ บวกกับประสบการณ์ก็มีไม่มาก การขึ้นเวทีทุกครั้งมันเลยเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุด เป็นการพัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสให้กับตัวเองมากกว่าการหวังรางวัล จำได้เลยว่าลงประกวดเยอะมาก ชนะแค่ครั้งเดียวเอง แต่ผมก็สู้ต่อนะ เพราะเห็นพ่อแม่คอยซัพพอร์ต ท่านเหนื่อยกว่าผมมาก เลยคิดว่าทุกอย่างที่ทำมาต้องไม่สูญเปล่า ทุกครั้งที่แพ้ ผมเห็นว่าทำได้เกือบจะดีที่สุดเลยด้วยซ้ำ พอคิดได้แบบนี้ก็ประกวดไปเรื่อยๆ เพราะเชื่อเสมอว่าสักวันนึงมันน่าจะเป็นวันของเราเอง”
 

การฝึกฝนทักษะเขียนเพลง ช่วยต่อยอดให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น  
 “ส่วนตัวก็พยายามฝึกฝนการเขียนเพลงมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยประกวดดนตรีกับเพื่อน เพราะต้องเขียนเนื้อร้องเองทั้งหมด จนกระทั่งมาทำงานในฐานะศิลปินเลยรู้ว่ามันช่วยได้มาก อย่างท่อนฮุกหรือท่อน pre-chorus บางท่อนก็แต่งเองด้วย ยกตัวอย่างเพลงนึง ‘ฝืนตัวเองไม่เป็น’ ช่วงที่ร้องว่า ‘เธอจะรักไม่รักมันก็ไม่รู้…’ อันนี้คิดสดตอนอยู่ในห้องอัดเลย ใช้เวลาประมาณ 15 วิ พอได้ปั๊บก็เติมลงไปในเพลงเลย พี่แม็คโปรดิวเซอร์เปิดโอกาสให้ลองเขียนเพลงเอง ทุกครั้งที่เขียน ผมจะเติมให้ความหมายของเพลงมันครบสมบูรณ์มากขึ้น”  

“ไม่ซีเรียสเรื่องสไตล์…แต่ซีเรียสเรื่อง Quality”
หลายคนมักบอกว่าสไตล์การร้องของเขาคือการมีลูกเล่นเยอะ ซึ่งนนท์บอกเราว่า จริงๆ เขาแค่ร้องตามโน้ตเพลงที่วิ่งในหัวและส่วนตัวเลือกที่จะโฟกัสเรื่องคุณภาพของเพลงมากกว่า “การสร้างสไตล์ของตัวเอง ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ผมได้ประโยชน์คนเดียว แต่ quality เป็นเรื่องของการสร้างรากฐานหรือ standard ให้กับนักดนตรีและศิลปินรุ่นต่อไป  ทุกครั้งผมจะคิดตลอดว่าผลงานเพลงออกมาแต่ละชิ้น คุณภาพต้องไม่ต่ำกว่ามาตรฐานที่พี่ๆ ศิลปินรุ่นก่อนเขาทำไว้ เพราะว่าวันนึงก็ต้องออกไปนั่งเป็นลุงแก่ๆ ฟังเพลงที่เคยทำไว้ ถ้าทำไว้ดี ก็จะได้ฟังของดีตอนแก่ แต่ถ้าผมดันลดมาตรฐานงานเพลงตัวเองลง ตอนแก่ๆ ก็บ่นไม่ได้ว่า ทำไมเด็กรุ่นหลังร้องเพลง ทำเพลงแบบนั้นแบบนี้นะ”
 
“สิ่งรอบตัว” คือแรงบันดาลใจหลักในการรังสรรค์งาน   
นนท์เล่าว่าแรงบันดาลใจในการทำเพลงคือการนำเรื่องส่วนตัวมาเล่า โดยเฉพาะเรื่องความรักที่ไม่เคยสมหวัง เพราะเป็นการสื่ออารมณ์ด้วยภาษาของตัวเอง ก่อนที่จะค่อยๆ พัฒนามาเป็นเรื่องราวที่โตไปตามวัยอย่างเพลง “มีผลต่อหัวใจ”

 “ แรงบันดาลใจของเพลงนี้คือจากการที่คนรู้ว่ากาแฟไม่ควรดื่มเยอะเพราะจะทำให้ใจสั่น กับการบังเอิญนึกถึงภาพจำ..คือเราเคยมีโมเมนต์กับคนรักที่ร้านกาแฟ พี่แม็คเขาก็เลยแนะนำให้ลองเอามาเขียน เพลงนี้เลยออกมาประมาณว่า  จริงๆ คนรักที่เลิกกันไปแล้วนั้นทำงานได้ดีกว่ากาแฟ 2 แก้วด้วยซ้ำ แค่เราเดินผ่านโรงหนังที่เคยไปกับเขา ใจมันก็สั่นได้โดยไม่ต้องดื่มกาแฟเลย”
 
เมื่อเจอทุกปัญหาในชีวิตอย่าลืม “ตั้งสติและทำความเข้าใจ”  
“เวลาเจอปัญหา ต้องเข้าใจก่อนว่ากำลังเจอกับอะไร เช่น เจอแมลงจะจับแมลงด้วยอะไร ตะเกียบหรือที่จับ? พอรู้ว่าอุปสรรคคืออะไร ปัญหาคืออะไร เงื่อนไขคืออะไร เราจะมีวิธีรับมือได้ดีขึ้น อาจจะไม่ได้ดีเริ่ด แต่ทุกครั้งที่เจอเราจะรับมือง่ายขึ้น จำไว้ว่าไม่มีทางที่เราจะชนะหรือฟันฝ่าทุกอย่างได้ด้วยดีตลอด เป็นปกติที่ต้องเจอกับเรื่องไม่แฟร์ อะไรยอมได้ก็ต้องยอม มองข้ามได้ก็ต้องมองข้าม เมื่อแก้ไม่ได้ก็ต้องยอมรับแต่อย่าชินชากับมัน ให้วันพรุ่งนี้มันเป็นวันที่ดีขึ้น อย่างน้อยก็จะไม่เจ็บหนักเหมือนครั้งแรก อุปสรรคมันเหมือนกับวัคซีน ครั้งแรกมันต้องเจ็บแต่ครั้งหน้ามันจะไม่เจ็บขนาดนี้ หรือถ้าเราต้องโง่ให้กับอะไรในวันนี้ ครั้งหน้าเราก็จะไม่โง่อีก”


ทำงานหนักเรื่องของสุขภาพ ต้อง “ไม่ละเลย”
สำหรับเรื่องสุขภาพนนท์เล่าว่าเนื่องจากตารางงานที่แน่นบวกกับโรคลิ้นหัวใจที่เป็นอยู่ การดูแลตัวเองแบบจริงจังอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่สิ่งที่เน้นคือการนอนให้ครบ 6-7 ชั่วโมงต่อวัน ทานอาหารที่ไม่เพิ่มความอ้วนอย่างผลไม้ ส่วนการออกกำลังกายก็เป็นการยกเวทเบาๆ ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวรวมถึงเล่นกีฬายิงธนูเพื่อช่วยให้โฟกัสและมีสมาธิกับตัวเองมากขึ้น  

ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จได้ตามฝัน หนุ่มนนท์ย้ำเสมอว่าคุณต้องมุ่งมั่นทุ่มเทกับสิ่งที่ทำอย่างเต็มที่ เอาหล่ะ! สำหรับแฟนๆ ที่รอคอยคอนเสริต์เดี่ยว เจ้าตัวแอบกระซิบมาว่า ไม่ปลายปีนี้ก็ต้นปีหน้า รับรองว่าฟินสุดไปกับคอนเสิร์ตสไตล์ Family Party ของเขาแน่นอน เข้าไปติดตามความคืบหน้าได้ที่  IG :tanont916




 
-->