ปรบมือรัวๆ CBD Oil นางเอกน้องใหม่ แห่งวงการบิ้วตี้มาแล้วจ้า



ก็อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้กระแสการใช้ CBD Oil หรือน้ำมันกัญชาทางการรักษาโรคกำลังเป็นที่สนใจในบ้านเราหนักมาก ซึ่งที่จริงแล้วเมืองนอกเขาสนใจ และศึกษาจนไปไกลกว่าบ้านเราไปแล้ว แถมก็ยังไม่ได้หยุดแค่ที่การรักษาโรคอย่างเดียว เแต่ลามไปถึงวงการบิวตี้ไปเรียบร้อยจ้า 





เทรนด์น้ำมันกัญชา...ที่กำลังมาแรงทั่วโลก 
ด้วยความแรงของน้ำมันกัญชานี่แหละ เลยทำให้เหล่าอุตสาหกรรมความงาม เริ่มหันมาศึกษาผลลัพธ์ที่ได้กันอย่างจริงจังว่าจะมาช่วยในด้านอื่นๆ นอกจากการรักษาโรคได้มั้ย ปรากฎว่าน้ำมันนี้มันยังมีประโยชน์ต่อผิวด้วย เพราะประกอบไปด้วยกรดไขมัน, วิตามิน A, D และ E มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเครียด ลดรอยแดง และการอักเสบของผิวได้ ซึ่งทางสำนักข่าวซีเอ็นบีซีก็มีการระบุว่า เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกัญชา (Cannabis Beauty) กำลังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ถึงขั้นที่นักวิเคราะห์จาก Wall Street ทำการแยกประเภทของเครื่องสำอางดังกล่าวออกมาเป็นหมวดหมู่นี้โดยเฉพาะเลยทีเดียว 

สาร CBD นี่แหละนางเอกที่เเท้ทรูของงานผิว 
 
 
 
  Miracle Drops น้ำมันที่สกัดจาก CBD Oil ของแบรนด์ Discipe 


ชาร์ลอต เฟอร์กูสัน นักเวชศาสตร์การชะลอวัย และผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอาง Disciple หนึ่งในแบรนด์เครื่องสำอางที่หยิบเอาสารสกัด CBD  มาใส่ในสกินแคร์ของเขาบอกว่า สารสกัดตัวสำคัญที่ช่วยในเรื่องของผิวคือตัว CBD ที่สกัดได้จากกัญชานั้น ช่วยปลอบประโลมผิวที่มีการอักเสบได้ดี หรือแม้แต่ผิวที่เป็นสิว อ่อนแอมากๆ ก็ใช้ได้ และรูปแบบที่ดีที่สุดก็คือ “น้ำมัน” เพราะเป็นการสกัดนำเอาสารจากเมล็ดกัญชงออกมาใช้ได้อย่างบริสุทธิ์กว่าในรูปแบบอื่นๆ และนอกจากแบรนด์นี้แล้วคาดว่าจะมีอีกหลายแบรนด์ที่เตรียมพัฒนาไลน์สกินแคร์เพื่ออินกับเทรนด์เครื่องสำอางนี้ อย่าง Estee Lauder, e.l.f, และ Ultra Beauty 

 



ที่สำคัญไม่ใช่แค่เหล่าแบรนด์ต่างๆ เท่านั้น ร้าน Multibrand Cosmetic ชื่อดังก็เริ่มนำเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีส่วนผสมจาก CBD เข้ามาวางจำหน่ายบนเชลฟ์กันอย่างจัดเต็มแล้วด้วย อย่าง Sephora และ Barney


  

นักวิเคราะห์การตลาด ของสหรัฐอเมริกา บอกว่าเทรนด์ดังกล่าวจะไม่เป็นกระแสที่มาแล้วก็ไปแน่นอน แต่ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และจากการประเมินมูลค่าของตลาด CBD พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และจะเติบโตขึ้นเป็น 1 แสนล้านเหรียญในอนาคต

ส่วนที่บ้านเรานั้นก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะได้อินกับเทรนด์นี้กันเมื่อไหร่ ไม่แน่นะอาจจะเร็วๆ นี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ 
-->