ฝึกวิชา 'กังฟูเส้าหลิน' ศิลปะการต่อสู้ฉบับจีนโบราณ ที่มีหัวใจสำคัญคือการเอาชนะตัวเอง


หลายคนอาจจะคิดว่ากระบวนท่าวิทยายุทธ พลังลมปราณ มัดมวยหรือกังฟูเส้าหลินนั้นมีอยู่แค่ในหนัง แต่จริงๆ แล้ว ศาสตร์นี้เขามีการเรียนการสอนกันอยู่จริงๆ ที่สำคัญอยู่ในไทยนี่แหละ วันนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ ครูอั้ม บุญรักษ์ บุนนาค ครูสอนกังฟูเส้าหลินชาวไทยที่มีประสบการณ์ในวงการนี้มานานกว่า 16 ปี และเคยมีโอกาสได้ไปฝึกวิชาที่วัดเส้าหลินถึงประเทศจีนมาแล้ว  



จุดเริ่มต้นของการฝึกวิชากังฟูเส้าหลิน
ครูอั้มเล่าให้ฟังว่าตั้งแต่เด็กๆ เขาก็ชื่นชอบศิลปะการป้องกันตัวและได้เรียนวิชาการต่อสู้มาหลากหลายแขนง “ตอนแรกเริ่มจากเรียนเทควันโดก่อน แล้วก็ไปเรียนมวยไทย พอรู้ข่าวว่ามีสำนักเส้าหลินแท้ๆ มาเปิดสอนที่เมืองไทย เราก็เลยลองไปเรียนดู อาจารย์ที่สอนก็มาจากวัดเส้าหลินประเทศจีนเลย เราเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 13 จนช่วงเข้าเรียนมหาลัยฯ อาจารย์ก็ส่งไปฝึกที่วัดเส้าหลินประเทศจีนทุกๆ ช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอมก็กลับมาเรียนหนังสือปกติ จนถึงตอนนี้ก็ฝึกกังฟูมาได้ 16 ปีแล้ว” 

สเน่ห์ของกังฟูเส้าหลิน ประโยชน์ที่ได้ทั้งกายและใจ
ด้วยท่วงท่าที่สวยงามตามแบบฉบับของกังฟูเส้าหลิน และประโยชน์อีกมากมายที่ได้จากการฝึก ทำให้ใครหลายคนได้ลองเรียนแล้วต้องติดใจ “ตั้งแต่สมัยโบราณการฝึกกังฟูคือการฝึกสติ เริ่มมาจากพระอินเดียที่เข้ามาเผยแผ่ศาสนาในจีน ฉะนั้นรากของเส้าหลินจริงๆ จึงมาจากโยคะ อย่างที่เห็นว่ากังฟูเส้าหลินจะใช้การยืดเส้นเยอะมาก ซึ่งถือเป็นการฝึกสมาธิ ควบคู่ไปกับการบริหารร่างกายและฝึกลมหายใจด้วย เห็นได้ชัดเลยว่าคนที่ฝึกกังฟูจะมีพื้นฐานร่างกายที่ดี เพราะมันไม่ใช่การฝึกแค่แขนหรือขา แต่เป็นการฝึกทุกส่วนของร่างกาย”



ประสบการณ์ฝึกสุดโหดที่วัดเส้าหลิน
หลังจากที่ฝึกกังฟูที่เมืองไทยมาสักพัก อาจารย์ก็ส่งเขาไปฝึกถึงวัดเส้าหลินที่ประเทศจีน “ที่นั่นเขาฝึกกันหนักจริงๆ แต่ก่อนเคยคิดว่าตัวเองแข็งแรงแล้ว แต่พอเขาให้วอร์มด้วยการวิ่งขึ้นเขาวันแรก เราก็อ้วกไป 3 รอบเลย มันเหนื่อยมาก แต่พอวันที่ 2-3 ก็เริ่มชิน ปกติเขาจะฝึกกันวันละ 8 ชั่วโมง ตื่นมาฝึกตั้งแต่ 6 โมงเช้า ออกไปวิ่ง แล้วก็กลับมานอนกลางวัน เสร็จก็กลับมาฝึกต่อเป็นฐานๆ มีทั้งฝึกรำ ฝึกตีลังกา ฝึกวิชาป้องกันตัว ฝึกวิชามือแข็ง คือเป็นกระสอบที่ใส่ถั่วไว้ข้างใน แล้วนักเรียนก็ใช้มือฟาดถุงพร้อมๆ กัน ทั้งหน้ามือ หลังมือ สันมือ”

กังฟูที่เห็นในหนัง VS กังฟูในชีวิตจริง
ด้วยความสงสัยว่าฉากต่อสู้ที่เราเห็นในหนังจีนมันมีอยู่จริงหรือเปล่า ครูอั้มเลยไขข้อสงสัยให้เราฟังว่า “บางอย่างมันมีอยู่จริง แต่บางอย่างก็เว่อร์เกินไป อย่างฉากจี้จุดคู่ต่อสู้แล้วตัวแข็งไปเลยเนี่ยยังไม่เคยเห็น แต่จริงๆ มันก็มีวิชาจี้จุดให้เรียนเหมือนกัน สมมติว่าเราโดนนักกล้ามล็อคคอ การจิ้มไปที่จุดบางจุดมันสามารถทำให้แรงของเขาหายไปได้ในจังหวะหนึ่ง เป็นจังหวะที่เราสามารถปลดออกมาได้ง่าย เขาจะรู้สึกเจ็บจี๊ดจนต้องปล่อย หรือรู้สึกชาเหมือนเวลาข้อศอกเรากระแทกโต๊ะ แต่ไม่ใช่ว่าโดนจี้จุดแล้วตัวแข็งค้างเหมือนในหนัง ต้องให้คนอื่นมาตีถึงจะหายแข็งอะไรแบบนั้น”



ศิลปะการป้องกันตัว พร้อมอาวุธคู่ใจ
“ท่าเบสิคก็จะเริ่มจากท่ารำมวยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกังฟูเส้าหลิน มีหลายเลเวลตั้งแต่ง่ายไปยาก จากนั้นก็เริ่มมีอาวุธเข้ามาประกอบ เช่น กระบอง กระบี่ ดาบ ทวน หรือแซ่ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีอาวุธประจำตัว ขึ้นอยู่กับความชอบและความเหมาะสม ใครชอบอาวุธไหนก็ฝึกอาวุธนั้นให้เก่ง แต่เราไม่ได้ฝึกเพื่อจะไปห้ำหั่นกับใคร เป็นการฝึกเพื่อป้องกันตัว ฝึกเพื่อแข่งขัน หรือฝึกเพื่อออกกำลังกาย แล้วแต่ว่าจะเอาวิชานี้ไปใช้ทำอะไร เพราะท้ายที่สุดแล้วแก่นของกังฟูเส้าหลินคือการฝึกสติ” นอกจากนี้ครูอั้มยังแอบกระซิบบอกเราว่าสำหรับคนที่ฝึกจนเก่งแล้ว ไม่ว่าอะไรก็สามารถหยิบมาใช้เป็นอาวุธได้ แม้แต่ขวดน้ำหรือไม้กวาด

ไม่ต้องเป็นพระ ก็ฝึกกังฟูเส้าหลินได้
ในสมัยโบราณจะมีแต่พระเท่านั้นที่ได้เรียนกังฟูเส้าหลิน แต่ปัจจุบันนี้ไม่ว่าใครก็สามารถเรียนได้ ขอแค่มีใจรัก “เรียนได้ทุกเพศทุกวัยเลย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน อย่างนักเรียนที่มาก็มีตั้งแต่ 3 ขวบครึ่ง ไปจนถึง 75 ปี เพราะกังฟูเส้าหลินมีทั้งมวยเร็วและมวยช้า ถือเป็นกิจกรรมที่ได้ประโยชน์เยอะมาก ได้ออกกำลังกาย สร้างพื้นฐานความยืดหยุ่น ฝึกจิตใจให้มีความกล้า ฝึกในเรื่องของความจำ และที่สำคัญคือได้ฝึกสติและลมหายใจด้วย”



“วิชาป้องกันตัว” มีติดตัวไว้ไม่เสียหาย
สมัยนี้ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ คงจะดีถ้าเรามีวิชาติดตัวไว้ใช้ในยามคับขัน “คนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้จะมีเซนส์ในการเอาตัวรอดที่ดีและมีอยู่ในสัญชาตญาณ อย่างถ้ามีใครชกมา ก็จะหลบเองด้วยสัญชาตญาณ หรืออย่างน้อยก็จะต้องมีสติ ถ้าเราอยู่ในสถานที่เสี่ยง เดินกลับบ้านคนเดียว ก็จะต้องสังเกตแล้วว่ามีคนมายืนดักเราหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าปล่อยให้มีคนมายืนล้อมหน้าล้อมหลังแล้วเราไปยืนอยู่ตรงกลาง เราต้องยืนอยู่ในจุดที่สามารถเห็นทุกคนได้หมด เรื่องพวกนี้จะกลายเป็นสัญชาติญาณที่ได้จากการฝึก”

สำหรับคนที่สนใจเรียนกังฟูเส้าหลินแบบแท้ๆ อาจไม่ต้องไปไกลถึงประเทศจีนแล้ว เพราะที่โรงเรียนเส้าหลินกังฟูไทยแลนด์ มีอาจารย์ชาวจีนจากวัดเส้าหลินมาสอนให้ถึงที่ โรงเรียนอยู่ที่ซอยศรีนครินทร์ 57 และกำลังจะเปิดสาขาใหม่ที่ซอยสงบสุข สวนหลวง ในช่วงต้นปี 2563 อีกด้วย ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 086-995-8808 

 
-->