‘แฟนเดย์ อิน เรียล ไลฟ์’ เมื่ออุบัติเหตุจากการเล่นฟุตบอลทำให้เขากลายเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อมไปชั่วขณะ

‘โรคความจำเสื่อม’ โรคที่หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะหนุ่มวัย 24 ปีที่กำลังแข็งแรงอย่าง ป่าน-ธิติ ที่รักการเล่นกีฬาฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เคยเจ็บตัวจากกีฬาชนิดนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เขาไม่คิดว่า อุบัติเหตุธรรมดาๆ ในครั้งนี้ จะทำให้เขาอาการหนักจนถึงขนาดความจำเสื่อมไปชั่วขณะ ไม่ต่างจากพล็อตหนังชื่อดังอย่างเรื่อง ‘แฟนเดย์...แฟนกันแค่วันเดียว’ เลย



‘ฟุตบอล’ กีฬาที่เล่นมานาน เจ็บมาก็นับครั้งไม่ถ้วน
เราย้อนถามไปถึงจุดเริ่มต้นในความชอบกีฬาฟุตบอลของเขาก่อน “ตอนนั้นประมาณ 10 ขวบ เริ่มจากที่บ้านชอบลิเวอร์พูล เราก็เลยเชียร์ตามที่บ้าน แล้วก็เริ่มเตะฟุตบอลมาตั้งแต่ตอนนั้น จนมัธยมย้ายโรงเรียนก็มีโอกาสได้เป็นนักฟุตบอลของโรงเรียนไปแข่งกีฬาสาธิตสามัคคีด้วย พอเข้ามหาวิทยาลัย ถึงเรียนหนักขึ้นแต่เราก็ยังไม่ทิ้งกีฬา ยังเป็นนักฟุตซอลของคณะ (สังคมศาสตร์ มศว) ส่วนตอนนี้เรียนจบแล้ว ก็มีนัดเตะบอลกับเพื่อนอยู่ตลอด” ส่วนอาการบาดเจ็บ ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอในชีวิตการเล่นกีฬาของเขา “ส่วนใหญ่จะเจ็บกล้ามเนื้อเล็กๆ น้อยๆ แต่ที่หนักสุดเลยคือตอนนั้น ม.2 จำได้ว่าพยายามจะจักรยานอากาศ (ตีลังกาเตะ) แต่จังหวะลงมันผิดจังหวะ ดันเอามือซ้ายลง ก็เลยกระดูกร้าว ใส่เฝือกอยู่เป็นเดือนเหมือนกัน”

จุดเริ่มต้นของอาการ ‘จำไม่ได้’ ที่ลืมไม่ลง
เขาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “ก็ไปเตะบอลตามปกติเหมือนทุกอาทิตย์ แล้วเล่นไปแค่ประมาณ 5 นาทีเองมั้ง เพื่อนก็บอกว่าเราโดนลูกฟุตบอลอัดที่หัว แต่คือต้องบอกก่อนเลยว่าเราอะจำไม่ได้ ตอนแรกก็นึกว่าตัวเองแบบสลบหมดสติไป แต่พอถามเพื่อน เค้าก็บอกว่าเรายังเดินได้ แล้วเราก็ยังเดินออกมานั่งข้างสนามเอง แต่เราจำเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้เลย มันเหมือนสมองไม่รับรู้อะไรแล้ว” ได้ยินแบบนี้ เราเลยขอให้เขาลองอธิบายเพิ่มเพื่อให้เราเห็นภาพสักหน่อย “เอาอย่างงี้ดีกว่า คือหลังจากโดนบอลอัดอะ ไม่ได้จำไม่ได้นะ เรียกว่าไม่รู้สึกตัวเลย ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ คือมัน Blank ไปเลย เหมือนเราไม่มีตัวตนอยู่อะ มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ยากจริงๆ คือจะว่ายังไงดี มันอาการเหมือนคนเมาที่แบบภาพตัดอะ”

‘ความกลัว’ คือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว
เหตุการณ์หลังจากเกิดเหตุก็เป็นสิ่งที่เราอยากรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “คือจำไม่ได้เลย แต่เพื่อนที่มาเฝ้าเล่าให้ฟังว่าพอไปถึงโรงพยาบาลก็เข้าห้องฉุกเฉิน หมอก็ส่งไปตรวจในเครื่อง CT Scan ซึ่งภาพตอนที่เข้าไปอยู่ในอุโมงค์คือไม่มีในหัวเราเลยนะ ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออก แล้วตอนนั้นเพื่อนก็เล่าให้ฟังว่าเราถามตลอดว่า กูเป็นอะไรวะ กูโดนอะไรวะ ถามจนเพื่อนรำคาญ คือมันเหมือนสมองเราตีความคำพูดไม่ได้ เค้าตอบอะไรมามันก็เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะสมองเราก็ประมวลผลคำตอบนั้นไม่ได้อยู่ดี” ซึ่งพอเป็นแบบนี้แล้ว ความกลัวเลยเป็นสิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาหลังจากเริ่มได้สติ “กลัวมาก ตอนถึงห้องนี่ร้องไห้เลยอะ แบบมันตกใจ คือพอรู้สึกตัวว่าแบบ เห้ย! ทำไมเราจำอะไรไม่ได้เลยวะ ตอนนั้นคือคิดถึงแม่เลย กลัวจำแม่ไม่ได้อะไรอย่างงี้ แต่คือจริงๆ แล้วเรายังจำตัวบุคคลได้ ที่จำไม่ได้คือเหตุการณ์กับสถานที่ เพื่อนบอกถึงขนาดว่าตอนนั้นเราจำทางกลับบ้านไม่ได้เลยนะ”

ความจำตอนนี้เหมือนจิ๊กซอว์ ที่บางชิ้นก็ยังหาไม่เจอ
“ช่วงเตะบอลนั่นแหละ ที่นึกยังไงก็นึกไม่ออก” คือคำตอบของเขา เมื่อเราถามว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ตอนนี้ยังจำไม่ได้ “เหมือนพอโดนบอลอัดปุ๊บคือภาพตัดเลย มาเริ่มจำอีกทีตอนอยู่ห้องอะ ภาพตอนไปเตะบอลหรือตอนอยู่ที่โรงพยาบาลอะแทบจะไม่มีเลย ส่วนตอนช่วงก่อนจะไปเตะบอลก็พอจำได้ลางๆ แต่คือต้องรอให้คนอื่นเล่าให้ฟังก่อนนะ มันถึงจะนึกออก ต้องค่อยๆ ถามไปทีละเรื่อง เหมือนเราได้จิ๊กซอว์มาทีละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบกันจนเป็นเรื่องราว แต่มันก็ยังมีจิ๊กซอว์บางชิ้นที่หายไป ซึ่งก็คือเหตุการณ์ช่วงอุบัติเหตุ ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังจำไม่ได้ ความทรงจำเราตอนนี้ก็เลยเหมือนภาพจิ๊กซอว์ที่ต่อไม่เสร็จแล้วก็โบ๋อยู่อย่างนั้น”
 

“ถ้าความทรงจำทั้งหมดคือภาพจิ๊กซอว์ใหญ่ๆ ความทรงจำช่วงที่เกิดเหตุก็คงเป็นเศษจิ๊กซอว์ที่หายไปแล้วตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ”


จากจำเก่งจนไม่เคยลืม กลายเป็นลืมง่ายขึ้นมาซะงั้น
นอกจากอาการความจำเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้ว ความเจ็บปวดทางร่างกายก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน “วันนั้นคือปวดหัวมาก เพื่อนบอกว่าโดนบอลอัดแถวๆ หน้าผากด้านซ้าย แต่คือมันปวดร้าวไปยันท้ายทอยเลย คือไม่เคยปวดหัวแบบนี้มาก่อน น่าจะปวดที่สุดในชีวิตแล้วมั้ง” จนถึงตอนนี้ผ่านมา 2-3 เดือนแล้ว ก็ยังมีผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้นหลงเหลืออยู่ “บางครั้งรู้สึกตัวเลยว่าเราลืมง่าย ทั้งที่เมื่อก่อนความจำดีมาก ตอน ม.ปลาย เรียนศิลป์-จีน ท่องศัพท์เยอะแค่ไหนก็จำได้ตลอด แต่ตอนนี้เหมือนมันต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการจำ แล้วก็จำได้ไม่ดีเหมือนตอนนั้นด้วย แต่คือมันก็ไม่ได้เอฟเฟกต์อะไรกับชีวิตประจำวันของเราขนาดนั้นนะ แค่เรารู้สึกตัวว่า เห้ย! ความจำกูไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนเลยว่ะ”

เข็ดไหมก็เข็ด แต่ให้เลิกก็คงไม่ เพราะใจมันรัก
ถึงอุบัติเหตุครั้งนี้จะรุนแรงกับเขาพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ทำให้มุมมองของเขาต่อกีฬาฟุตบอลเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
“คือมันก็คงแหยงๆ นิดนึงแหละ เพราะมันก็กลัวจะเกิดเหตุการณ์แบบเดิมอีก แต่เราก็ยังกล้าโหม่งอะไรปกตินะ ไม่ได้แบบกลัวลูกฟุตบอล เพราะเรามองว่ามันก็เป็นอุบัติเหตุ ในชีวิตเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก โดนบอลอัดหัวมานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งอัดหน้า อัดท้ายทอย ถ้าพูดแบบขำๆ คือก็ทนมือทนตีนพอสมควร ใครจะไปคิดว่าครั้งนี้มันจะดันแจ็กพอต คือเพื่อนบอกว่าที่เราโดนมันก็ไม่ได้แรงมาก เราว่ามันเป็นที่ตำแหน่งกับจังหวะที่โดนด้วย” สุดท้ายนี้ เราเลยให้เขาฝากอะไรถึงคนที่เล่นกีฬา ในฐานะคนที่เคยเจ็บตัวมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน “ก็อยากให้ทุกคนเซฟตัวเองกันนิดนึงนะครับ จังหวะไหนเบาได้ก็เบา ไม่ต้องทุ่มเทขนาดนั้น เราแค่เล่นกับเพื่อนขำๆ ถ้าร่างกายเป็นอะไรขึ้นมา มันไม่คุ้มกันนะ”
 

Tips
อาการดังกล่าว คือ โรคลืมเหตุการณ์ชั่วขณะ หรือ Transient Global Amnesia (TGA) ซึ่งในกรณีนี้เกิดจากการได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณศีรษะ ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถจดจำข้อมูลหรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ โดยอาการมักจะเกิดขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ และหายไปเองใน 24 ชั่วโมง
 
-->