จริงมั้ย? แค่เป็นแม่ที่มี ‘ความสุข’ … คุณก็จะเลี้ยงลูกได้ดีที่สุด
การเป็นพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมเป็นแล้วยังลาออกหรือเลิกเป็นไม่ได้ ยิ่งใครที่เป็นแม่ฟูลไทม์ ต้องรับมือกับการเลี้ยงลูกเกือบ 24 ชั่วโมง คงเคยมีวันที่พังกันบ้าง วันนี้เราเลยถือโอกาสมาพูดคุยกับ คุณน้ำหวาน - ภญ.ญาธิป พิริยะพงศ์ศักดิ์ คุณแม่อินฟลูฯ ลูก 3 เจ้าของเพจ Happy Mommy Diary มาดูกันว่าเธอจะมีเทคนิคการเลี้ยงลูกยังไง ให้ทั้งแม่และลูกแฮปปี้กันทั้งครอบครัว
ความยากของการเป็นคุณแม่ลูก 3
“พอมีลูก 3 คน มันจะยากตรงที่เราต้องหาเวลาให้ทั้ง 3 คนให้ได้เท่าๆ กัน เราต้องแบ่งเวลาให้ดี ต้องทำให้เขารู้สึกพอทั้ง 3 คน” เธอจึงเลือกทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มี รวมถึงเอเนอร์จี้ให้กับลูกๆ ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างที่เป็นของตัวเอง “การเลี้ยงไม่ได้ต่างกัน แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันจริงๆ คือเขาเกิดมาไม่เหมือนกัน เด็กไม่ใช่ผ้าขาว เขาเกิดมามีข้างในมาแล้ว แค่ต้องขัดเกลาให้เขาเป็นแบบที่ดีที่สุดในเวอร์ชั่นของเขา” สิ่งที่เธอเรียนรู้คืออย่าพยายามเปลี่ยนตัวตนของเขาเพื่อให้เป็นในแบบที่เราอยากให้เป็น เธอบอกว่าหน้าที่ของพ่อแม่คือ “เข้าใจ” เท่านั้นเลย
กฎข้อแรกของการเป็น ‘แม่ที่มีความสุข’
คุณน้ำหวานเล่าว่าด้วยความที่เธอเป็นคนที่คิดถึงและรักตัวเอง ไม่ได้เป็นคนที่ทุ่มเทให้คนอื่นจนไม่นึกถึงตัวเอง ทำให้เธอไม่เคยมีวันที่รู้สึกว่า ‘เว้าแหว่ง’ “ถ้าเราไม่แฮปปี้ก่อน เราจะไม่มีทางทำให้คนอื่นแฮปปี้ได้เลย แล้วก็เป็นคนที่ไม่เคยยอมให้ตัวเองเว้าแหว่ง เพราะรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่เราเว้าแหว่ง ทุกอย่างจะพังไปหมด” เธอไม่เคยปล่อยให้ตัวเองหิวข้าว หรือเลี้ยงลูกจนรู้สึกว่าวันนี้ไม่ไหวแล้ว ทันทีที่รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆ เธอจะพูดออกไปทันที “เราเป็นคนติดรักสบาย มันเลยทำให้เราเป็นคุณแม่ลูกสามแบบที่ไม่ drain ตัวเอง แต่ถ้าคุณเป็นแม่ที่เป็น perfectionist คุณอาจจะ drain ตัวเองมาก เพราะลูกห่างไกลจากคำว่าสมบูรณ์แบบ เด็กทุกคนเกิดมาไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง เราแค่ต้องยอมรับให้ได้ว่าเขาไม่สมบูรณ์แบบ”
“ถ้าอยากเลี้ยงลูกให้ดีและมีความสุข ไปทำตัวเองให้มีความสุขก่อน
และแม่ที่มีความสุขได้ สามีที่ดีต้องทำให้แม่มีความสุข”
และแม่ที่มีความสุขได้ สามีที่ดีต้องทำให้แม่มีความสุข”


‘คู่ชีวิต’ กุญแจสำคัญในการสร้างความสุขของครอบครัว
เธอบอกว่าการเลี้ยงลูกก็เหมือนกับการวิ่งสามขา ทั้งสองคนต้องวิ่งเป็นจังหวะเดียวกัน “ถ้ายังคุยกันสองคนไม่รู้เรื่อง อย่ามีลูก เพราะลูกจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในชีวิตที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน เรารู้สึกว่าครอบครัวจะมีความสุข หรือเหนื่อยยากแค่ไหน คู่ชีวิตคือสิ่งสำคัญ คือกระดุมเม็ดแรกที่ต้องเลือกให้ถูก เพราะถ้าแค่สองคนยังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แล้วสองคนต้องมาโฟกัสกับสิ่งที่เรารักมากๆ มันก็จะมีหลายสิ่งที่ทำให้เราคุยกันแล้วไม่เข้าใจกันได้ง่ายมากๆ แต่ของเราความโชคดีคือรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนเด็ก ประมาณม.2 เติบโตมาด้วยกัน จนมองหน้ากันก็รู้แล้วว่าคิดอะไร เลยทำให้ทุกอย่างมันไม่ยาก” แต่เธอแนะนำเลยว่าถ้าเมื่อไหร่ที่พ่อกับแม่เริ่มเห็นภาพต่างกัน นั่นคือสิ่งสำคัญที่ต้องรีบปรับจูน ต้องจูนกันก่อนที่จูนลูก เพราะเมื่อพ่อแม่จูนกันเสร็จแล้ว ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น และ ‘คุณพ่อ’ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ทั้งครอบครัวมีความสุข
กฎเหล็กที่ห้ามทำ ถ้าอยากเป็น Happy Mom ที่แท้ทรู
อย่าว่าแต่การเป็นคุณแม่ลูกสามเลย บางทีคุณแม่ลูกสองหรือแม้แต่คุณแม่ลูกหนึ่งเอง ยังมีวันที่อยากขอพักเบรคกันซักแปบหรือบางคนอาจถึงขั้นพูดกันเล่นๆ ว่า ขอลาออก จากการเป็นแม่ แต่สำหรับเธอนั้น กลับไม่เคยมีความคิดนี้เกิดขึ้นเลย “ไาม่เคยรู้สึกว่าไม่อยากเป็นแม่เลย นี่เป็นอาชีพที่มีความสุขที่สุด และไม่คิดว่าตัวเองจะทำอาชีพไหนที่เหมาะสมเท่ากับอาชีพนี้อีกแล้ว” เธอสารภาพว่าปกติเป็นคนที่ชอบอยู่เฉยๆ แต่การเลี้ยงลูกทำให้เธอสามารถดึงตัวเองออกมาจากตรงนั้นได้ ทำให้เธอไม่สามารถที่จะอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไป “เพราะลูกถ้าไม่ใช่เราเลี้ยง แล้วใครจะเลี้ยง รู้สึกว่า 3 คนที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึกเลยว่าเวลาของเราสูญเปล่า ลูกทุกคนเราปั้นมากับมือ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าลูกจะมีพฤติกรรมไหนที่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ไม่น่ารัก ดื้อ เราจะไม่ย้อนกลับไปโทษตัวเองว่าทำไมวันนั้นเราไม่ทำให้ดีกว่านี้ เพราะสำหรับเรา เราทำเต็มที่ในทุกๆ วัน ไม่เคยเสียดาย หรืออยากย้อนเวลาเพื่อกลับไปแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลยซักวัน เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว”
“ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหว อย่าฝืน ให้หาตัวช่วย เหมือนเราขับรถไปชนแล้วยางแตก
น้ำมันรั่ว อย่าฝืนขับต่อไปให้มันระเบิด อย่าฝืนขับต่อไปทั้งๆ ที่เครื่องมันไม่ไหว”
Health Addict อยากเป็นหนึ่งกำลังใจให้แม่ๆ ทุกคนแฮปปี้กับตัวเอง :)