ผู้ชายก็ไม่รอด เพราะ ‘มะเร็งเต้านม’ เกิดขึ้นได้กับทุกคน!
ใครที่เคยคิดว่า 'มะเร็งเต้านม' เป็นเรื่องไกลตัวผู้ชายอย่างเราๆ บอกเลยว่าต้องเปลี่ยนความคิดด่วน! เพราะผู้ชายก็มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้เหมือนกัน แม้ว่าตัวเลขการเกิดขึ้นของมะเร็งเต้านมในผู้ชายจะน้อย มีเพียงแค่ 0.5 - 1% จากผู้หญิงทั้งหมดที่เป็นมะเร็งเต้านม 100 คน แต่ประเด็นก็คือ...มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ไง
ผู้ชายสามารถเป็นมะเร็งเต้านมได้ จริงเหรอ? แม้ว่าผู้ชายจะมีเนื้อเยื่อเต้านมน้อย แต่ก็ยังมีต่อมน้ำนมและท่อน้ำนมขนาดเล็กที่สามารถเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะเมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงร่วมด้วย ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ที่บอกไว้ว่า ในประเทศไทยนั้น แม้จะมีอุบัติการณ์เพียง 0.2 ต่อ 100,00 คน แต่ในบางพื้นที่ก็มีตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยเกือบเท่าตัว และนอกจากนี้ยังมีการศึกษาจาก Global Cancer Observatory 2020 ที่ได้ศึกษาเรื่องของการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้ชาย พบว่าในกลุ่มผู้ชายวัยทำงานทั่วโลก มีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นกว่า 270% ในช่วง 20 ปี … เห็นแบบนี้แล้วยังจะวางใจกันอยู่มั้ย?
แม้ไม่มีการตรวจคัดกรองเฉพาะ แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็ช่วยได้! นอกจากความอันตรายของตัวโรคมะเร็งเองแล้ว มุมที่น่าสนใจที่อยากให้ผู้ชายทุกคนใส่ใจกับเรื่องของมะเร็งเต้านม ก็คือเรื่องของการตระหนักรู้ การวินิจฉัยล่าช้า ที่นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เพราะการที่หลายคนละเลยสัญญาณเตือนต่างๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การเจ็บนม มีก้อนแข็ง หรือหัวนมเปลี่ยนรูป บวกกับไม่ได้มีการคัดกรองเฉพาะ ทำให้บางคนกว่าจะตรวจพบก็อยู่ในระยะลุกลามแล้ว ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้น และจากข้อมูลในหลายประเทศก็ยังพบว่า ผู้ชายที่เป็นมะเร็งเต้านม มีอัตราการรอดชีวิต 5 ปีต่ำกว่าผู้หญิง ซึ่งสาเหตุหลักก็มาจากการวินิจฉัยที่ล่าช้าและเนื้อเยื่อเต้านมผู้ชายมีน้อย ทำให้มะเร็งลุกลามสู่ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อได้เร็วนั่นเอง
นี่คือความเสี่ยงที่ผู้ชายทุกคนต้องทบทวนตัวเอง! มาเช็คสัญญาณเตือนหรือปัจจัยที่ทำให้เราอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้ชายได้
- ครอบครัวมีประวัติเคยเป็นมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้อง หรือลูก ที่เคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือรังไข่ หรือบางคนอาจมีโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น Klinefelter syndrome การมีโครโมโซมเพศผิดปกติที่ทำให้เอสโตรเจนสูง
- มีการกลายพันธุ์ของยีน BRCA โดย BRCA1 และ BRCA2 (Breast Cancer Gene) เป็นยีนที่ทำหน้าที่สร้างโปรตีนซ่อมแซม DNA ที่เสียหาย เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ที่อาจนำไปสู่การเป็นมะเร็ง แต่ถ้ายีนเหล่านี้เกิดการกลายพันธุ์ โปรตีนจะทำงานได้ไม่เต็มที่ ทำให้เซลล์ที่มี DNA เสียหายไม่ถูกซ่อมแซม และเมื่อสะสมไปเรื่อยๆ ก็อาจพัฒนาเป็นเซลล์มะเร็งได้ง่าย
- มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนเพศหญิง) สูงมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากโรคตับเรื้อรังหรือตับแข็ง ภาวะอ้วนมาก การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพื่อการรักษาหรือเปลี่ยนเพศ
- มีความผิดปกติของลูกอัณฑะ เช่น มีอาการอักเสบไม่ทราบสาเหตุ, มีข้างเดียว หรือผิดรูป
- ผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป มักมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ
- มีไลฟสไตล์สุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทานอาหารไขมันสูง ไม่ออกกำลังกาย เป็นต้น

วิธีการดูแลตัวเองให้ห่างไกล “มะเร็งเต้านม” การตรวจเช็กเต้านมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนมักเช็กความผิดปกติของเต้านมตนเอง ซึ่งวิธีการตรวจเช็กก็ไม่ได้มีเพียงแค่การคลำเพื่อหาก้อนเนื้อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เราควรดูความผิดปกติอย่างอื่นประกอบด้วย เช่น
- มีของเหลวออกจากหัวนมเป็นน้ำปนเลือด
- หัวนมมีสีแดงจนผิดปกติ
- หัวนมบอด หรือยุบตัว
- มีผื่นขึ้นบริเวณหัวนม
- มีแผลเรื้อรังบริเวณหัวนม
อย่างไรก็ตามการตรวจเช็กเต้านมสำหรับผู้ชายอาจจะไม่ต้องทำถี่เท่ากับผู้หญิง แต่หากพบว่ามี ความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ให้รีบพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้วินิจฉัยและทำการรักษาด้วยวิธีการที่ถูกต้องต่อไป
แม้ว่าผู้ชายจะมีโอกาสของการเกิดโรคน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นการตรวจเช็กความผิดปกติของตัวเองเป็นสิ่งที่จำเป็นและไม่ควรละเลย