สายจ้องจอต้องระวัง ‘ภาวะตาแห้งจากสมอง’
ใช่แล้ว คุณได้ยินไม่ผิด เพราะ ‘ตาแห้งจากสมองล้า’ มีอยู่จริง ปกติเราอาจจะเคยได้ยินกันแต่ว่าตาแห้งๆ แต่ก็ไม่ได้ไปศึกษาถึงสาเหตุต้นตอกันจริงๆ และส่วนมากก็มักแก้ปัญหาด้วยการซื้อน้ำตาเทียมมาหยอด แล้วก็ปล่อยผ่าน วันนี้เราเลยอยากจะพาชาว Health Addict มาทำความรู้จักกับหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดตาแห้ง ที่เกิดจากภาวะสมองล้า … ไม่แน่นะคุณอาจจะกำลังเป็นอยู่ก็ได้!
‘สมองล้า’ เกิดจาก … ภาวะสมองล้า หรือ Brain Fatigue หมายถึงภาวะที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักเป็นเวลาต่อเนื่องจนทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เกิดอาการอ่อนล้า สมาธิลดลง จำยาก คิดช้าลง หงุดหงิดง่าย และอาจมีผลต่อร่างกายอื่นๆ ตามมา เช่น ปวดหัว ตาพร่า หรือแม้แต่อาการตาแห้งได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดสมองล้านั้น อาจเกิดได้ทั้งจาก การใช้สมองหนักเกินไป ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้นอกจากคุณภาพการนอนต่ำ ส่งผลให้สมองไม่มีเวลาฟื้นฟู หรือแม้แต่ความเครียดสะสม ก็อาจไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน คอร์ติซอล และสารสื่อประสาทที่ผิดปกติ รวมถึงความเครียดยังส่งผลต่อสมดุลของระบบประสาทอัติโนมัติ (autonomic nervous system) ทำให้สมองเหนื่อยล้าง่ายขึ้น นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมก็ส่งผลให้เกิดสมองล้าได้เช่นกัน อย่างการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ หรือสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้าก็ทำให้สมองทำงานหนักในการประมวลผลภาพ รวมถึงการทานอาหารที่ไม่สมดุล ทำให้ขาดสารอาหารสำคัญต่อการทำงานของสมองอย่าง Omega-3 หรือ วิตามิน B และการไม่ออกกำลังกายก็ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้าได้ทั้งนั้น
ความเชื่อมโยงระหว่าง ‘สมองล้า’ และ ‘ตาแห้ง’ ทีนี้เราจะพามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกที่เชื่อมโยงระหว่าง ‘ภาวะสมองล้า’ กับ ‘ภาวะตาแห้ง’ กัน สังเกตมั้ยว่าเวลาที่เราจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ เวลาที่เราต้องใช้สมาธิมากๆ สมองกำลังจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เรามักจะกระพริบตาน้อยลงโดยอัติโนมัติ ทำให้น้ำตาไม่ถูกกระจายไปเคลือบผิวตา และน้ำตาเองก็ไม่ได้มีแค่ส่วนของน้ำเท่านั้น แต่ยังมีชั้นไขมันและเมือก ที่ช่วยให้ฟิล์มน้ำตาคงตัว เมื่อการผลิตน้ำตาหรือไขมันผิดปกติ เช่น มีการอักเสบ
มีงานวิจัย Blink Rate Variability During Resting and Reading Sessions พบว่า เมื่อเราอ่านหรือกำลังจำอะไรบางอย่าง เราจะใช้สมาธิสูง เรามักจะกระพริบตาลดลง ซึ่งนั่นทำให้มีโอกาสที่ตาจะแห้งเพิ่มขึ้น และ Medical News Today ยังระบุอีกว่า ความเครียด คือหนึ่งปัจจัยเสี่ยงของตาแห้ง ที่อาจทำให้คุณภาพของน้ำตาลดลง การผลิตน้ำตาน้อยลง และมีการระเหยเร็วขึ้น
และเมื่อร่างกายมีภาวะเครียด สมองล้า ร่างกายจะถูกกระตุ้นฮอร์โมนความเครียด ทั้ง คอร์ติซอล และอะดรีนาลีน รวมไปถึงระบบประสาทอัตโนมัติก็จะถูกกระตุ้น ทำให้การหลั่งน้ำตาหรือการควบคุมการทำงานของต่อมน้ำตาและต่อมไขมันรอบเปลือกตา อาจลดลงหรือทำงานได้ไม่เต็มที่ ยิ่งถ้าใครที่เป็นสายปั่นงานดึกๆ ดื่นๆ ต้องหยุดพฤติกรรมเดี๋ยวนี้เลย เพราะเมื่อเราพักผ่อนไม่พอ นอนหลับไม่หลึก มีตื่นกลางดึก นอกจากจะทำให้สมองล้า ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังส่งผลต่อการหลั่งน้ำตาและคุณภาพน้ำตา และยังเพิ่มความไวต่อการระคายเคืองตาไปอีก
อย่าละเลยปัญหาตาแห้ง เพราะคิดว่าแค่หยอดน้ำตาเทียมแล้วก็จบ เพราะภาวะตาแห้ง ไม่ได้ส่งผลต่อแค่ดวงตา แต่ยังส่งผลต่อระบบประสาทและสมอง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ไมเกรนได้ง่าย และก็สามารถวนลูปกลายไปเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะสมองล้าไม่จบไม่สิ้นได้เช่นกัน และในระยะยาวถ้าปล่อยไว้ อาจเกิดความเสียหายต่อกระจกตา ทำให้กระทบกับการมองเห็นได้เลยทีเดียว