ระวัง! เชื้อโรคจากน้ำในเทศกาลสงกรานต์

เข้าสู่เทศกาลสงกรานต์สงใจ ปีนี้ถือเป็นมหาสงกรานต์ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากช่วง 1-2 ปีก่อนที่ต้องเจอกับสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก แต่ยังไงซะสงกรานต์ปีนี้ก็ยังมีสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญและดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะ ‘น้ำ’ ที่เป็นหนึ่งในสิ่งที่เราต้องกังวลและระมัดระวังให้มาก!



เชื้อโรคจาก ‘น้ำ’ ระวังให้ดี!
สงกรานต์ปีนี้เราอยากให้ทุกคนเล่นสงกรานต์อย่างสร้างสรรค์ เพิ่มความระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับน้ำที่เราเลือกเล่น รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้ปลอดภัย การเลือกใช้น้ำควรจะเป็นน้ำสะอาดที่ไม่มีสิ่งสกปรกอื่นๆ ปะปน ทั้งนี้ก็เพื่อคนที่เราเล่นด้วย ปลอดภัย แต่ถึงเราจะระวังดีแล้ว ก็ยังมีโอกาสเจอกับน้ำที่สกปรกได้ เช่น บางคนเลือกดูดน้ำจากลำคลอง หรือน้ำจากบึงที่เป็นที่กักเก็บน้ำ ซึ่งโดยปกติ น้ำเหล่านั้นมักจะใช้ในทางเกษตรกรรม แต่ไม่เหมาะกับการนำมาเล่นน้ำสงกรานต์ และนี่คือกลุ่มโรคจากน้ำที่มีเชื้อโรคที่ทุกคนต้องระวังให้ดี!
 
  • โรคผิวหนัง เป็นกันได้ง่ายที่สุด เพราะน้ำที่สาดกันมักจะโดนที่ผิวหนังของเราเป็นอย่างแรก เรียกว่าต่อให้ไม่โดนเต็มๆ โดนเฉี่ยวๆ ก็ยังโดนผิวหนังเราอยู่ดี และเชื้อโรคตัวร้ายเหล่านี้ เป็นแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่แพ้ง่าย อาจจะมีผื่นแดงขึ้น หรือถ้าอาการหนักก็จะมีอาการบวมแดง มีตุ่มหนอง เพราะฉะนั้นควรล้างด้วยน้ำสะอาดและรีบพบแพทย์โดยด่วน
  • โรคตาแดง อีกหนึ่งอวัยวะที่สำคัญและเป็นกันมากที่สุดก็คือ ดวงตา การสาดน้ำอาจทำให้น้ำกระเด็นเข้าตาเราได้ หากขยี้ตาก็จะทำให้ตาอักเสบ บวมแดง หรืออาจจะรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อได้เลย ดังนั้นหากใครรู้สึกเคืองตา ควรล้างด้วยน้ำสะอาด และใช้ผ้าสะอาด ซับให้แห้ง ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
  • หูอักเสบ โอกาสที่น้ำจะเข้าหูนั้นมีสูงมากจากการเล่นน้ำสงกรานต์ โดยปกติเวลาน้ำเข้าหู เราจะพยายามจะเอาน้ำออกจากหู ซึ่งมักมีอาการปวดหู หูอื้อๆ รู้สึกได้ยินเสียงแกร็กๆ ในหู สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ห้ามใช้คอตตอนบัดแคะหูเด็ดขาด! ควรรีบพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
  • ภูมิแพ้ เอาใจสายแพ้ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ และน้ำที่สกปรก เต็มไปด้วยแบคทีเรีย สายภูมิแพ้ก็คงไม่รอดเช่นกัน ดังนั้นหากเรารู้ว่าตัวเองแพ้ง่าย สุ่มเสี่ยงที่จะแพ้ได้ ควรพกยาประจำตัว ติดตัวเอาไว้ด้วย เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้แก้ไขสถานการณ์ได้ทัน และควรจะอาบน้ำ ทำความสะอาดตัวหลังจากเล่นน้ำสงกรานต์เสร็จ เพื่อยับยั้งอาการแพ้ตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจจะช่วยทำให้เกิดการระคายเคืองได้ดีที่สุด
  • ไข้หวัด ปอดอักเสบ โรคยอดฮิตของเทศกาลนี้เลยก็ว่าได้ ตอนเด็กๆ หลายคนคงจะเล่นน้ำตั้งแต่เช้ายันค่ำ จนโดนพ่อแม่บ่นว่าเล่นจนเป็นไข้ และด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ที่มีอุณหภูมิเฉลี่ย 40 องศา ก็ยิ่งเป็นอันตรายเข้าไปกันใหญ่ ดังนั้นหากรู้สึกมีไข้ ร้อนๆ หนาวๆ ควรเลิกเล่นน้ำโดยทันที เพราะสุ่มเสี่ยงที่อาการจะหนักขึ้นกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโรคปอดอักเสบได้เลย
  • โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ อันตรายจากน้ำยังสามารถเกิดขึ้นได้จากแหล่งน้ำจืด ซึ่งมีโอกาสที่เราไปเล่นน้ำสงกรานต์ในสถานที่ที่ใช้แหล่งน้ำเหล่านี้ โดยสิ่งที่เราอยากให้ทุกคนระวังก็คือ เชื้ออะมีบา ชนิดนีเกลอเรีย (Naegleria fowleri) และเชื้อแบคทีเรียนี้เองจะเป็นอันตรายก็ต่อเมื่อ สำลักน้ำทางจมูก เชื้อจะเข้าจากโพรงจมูกไปยังส่วนของสมอง ซึ่งถ้าติดเชื้อก็จะเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก ดังนั้นหากไปเล่นน้ำก็ต้องระมัดระวังเรื่องแหล่งน้ำที่นำไปใช้เล่นสงกรานต์กันด้วย

นอกจากเชื้อโรคจากน้ำที่เราอยากให้ทุกคนได้ระมัดระวังกันแล้ว ก็ต้องอย่าลืมดูแลตัวเองในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น โรคลมแดด หรือฮีทสโตรก ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ยช่วงกลางวันสูงปรี๊ดมากกว่า 40 องศา ยิ่งเล่นสงกรานต์ท่ามกลางอากาศร้อนจัด ยิ่งต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ

สุดท้ายนี้ Health Addict ขอสวัสดีปีใหม่ไทย 2567 ขอให้ทุกคนสนุกสนานกับเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ เดินทางกลับบ้านด้วยความสวัสดิภาพ ขับขี่ปลอดภัย ดูแลสุขภาพ และใช้ชีวิตให้สุดเหวี่ยงด้วยไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ
-->