ความเสี่ยง ‘มะเร็ง’ ที่ชาวสีรุ้งต้องระวัง

วันนี้เราจะพามาดูกันว่ากลุ่มของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) นั้นมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอะไรกันบ้าง ไม่ว่าจะจากเรื่องของพฤติกรรม สุขภาวะ หรือไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจและดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างเหมาะสม 



#มะเร็งทวารหนัก มะเร็งทวารหนัก ถือเป็นมะเร็งที่มีความเสี่ยงสูงในกลุ่มชายรักชาย (MSM) ที่เกิดจากการติดเชื้อ Human Papillomavirus หรือ HPV ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงนั่นเอง โดยความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV นี้จะเพิ่มมากขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักแบบไม่มีการป้องกัน เพราะทวารหนักเป็นอวัยวะที่ค่อนข้างบอบบาง อ่อนนุ่ม และมีซอกพับเยอะ ทำให้มีโอกาสที่เชื้อ HPV จะเข้าไปสะสมอยู่ที่บริเวณนั้น โดยผู้ที่ติดเชื้อ HPV จะไม่มีอาการในระยะแรก หรือมีอาการเล็กน้อยเท่านั้น

แนวทางการป้องกัน:ฉีดวัคซีน HPV หรือตรวจ Pap Test ตามคำแนะนำของแพทย์

#มะเร็งช่องปากและลำคอ กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางปากกับอวัยเพศ (oral sex) หรือมีพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงสูง มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งช่องปากและลำคอ (oropharyngeal cancer) ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อ HPV ชนิดก่อมะเร็ง ซึ่งเชื้อนี้สามารถติดต่อกันผ่านทางช่องปากจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก และนอกจากนี้เชื้อ HPV-16 ยังทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์บริเวณคอหอย ช่องปาก ฐานลิ้น และทอนซิลได้ และในปัจจุบันนี้ยังพบว่า HPV เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งช่องปากและลำคอในอายุน้อย โดยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เท่านั้น

แนวทางการป้องกัน:ฉีดวัคซีน HPV, ใช้ถุงยางอนามัย, เลี่ยงบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์

#มะเร็งปากมดลูก กลุ่มผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง (WSW) มักจะคิดว่าตัวเองไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย เลยไม่มีความเสี่ยง ทำให้ละเลยการตรวจ Pap Smear ซึ่งสิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ เชื้อ HPV สามารถส่งต่อกันโดยผ่านทางของเล่นทางเพศ การสัมผัสผิวหนัง หรือการใช้ของร่วมกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีอวัยวะเพศชายมาเกี่ยวข้อง แต่การใช้มือหรือปากสัมผัสบริเวณช่องคลอดหรือต่อม Bartholiท ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ได้ และที่สำคัญคืออย่าลืมว่า การติดเชื้อ HPV อาจยังคงอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานาน โดยไม่แสดงอาการ

แนวทางการป้องกัน:ฉีดวัคซีน HPV หรือ ตรวจ HPV DNA Test ทุกๆ 5 ปี ตามคำแนะนำของแพทย์

#มะเร็งเต้านม รู้หรือไม่ว่ากลุ่มที่เป็นหญิงข้ามเพศ (transgender women) ที่ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนระยะยาว นานกว่า 5 ปีขึ้นไป ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนจะไปกระตุ้นการเจริญของเนื้อเยื่อเต้านม การใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์เต้านมจนนำไปสู่มะเร็งได้ ในขณะเดียวกันเนื้อเยื่อเต้านมของหญิงข้ามเพศที่ใช้ฮอร์โมนอย่างต่อเนื่อง จะมีการพัฒนาระบบท่อน้ำนมและเนื้อเยื่อไขมันคล้ายกับผู้หญิงแท้ จึงทำให้สามารถเกิดมะเร็งชนิด ductal carcinoma ซึ่งเป็นชนิดที่มักพบในผู้หญิงได้เช่นกัน

แนวทางการป้องกัน:ตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นประจำ และตรวจแมมโมแกรมอย่างน้อยปีละครั้ง

รู้อย่างนี้แล้ว อย่างลืมหมั่นสังเกตตัวเอง หากมีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อที่เราจะได้ใช้ชีวิตสุดแซ่บได้อย่างเฮลธ์ตี้และเป็นตัวเอง
-->