ถ้าไม่อยาก “ป่วย” บนเครื่องบิน... อย่ากิน 8 สิ่งนี้

บินบ่อยๆ ก็ป่วยได้ง่ายๆ เพราะนอกจากอาการเมาเครื่องบินและ Jet lag ที่มักเกิดขึ้นบ่อยๆ แล้ว "อาหาร" ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุทำให้เราป่วยด้วยเหมือนกัน ซึ่งนักโภชนาการได้บอกไว้ว่ามีอาหารบางประเภทที่ทำให้หลายคนรู้สึกป่วย และถ้าป่วยเป็นบางโรคอยู่แล้วอาจทำให้อาการแย่ลงเพราะกินอาหาร 8 ประเภทนี้ระหว่างอยู่บนเครื่องบินได้

 
1) หมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยให้คุณกินอาหารได้น้อยลงก็จริง แต่นั่นก็หมายความว่าคุณจะได้รับสารอาหารที่น้อยลงด้วยเช่นกัน มีการศึกษามาว่าคนที่ชอบหมากฝรั่งมักจะกินผลไม้น้อย และมีแนวโน้มที่จะกินมันฝรั่งทอดและของหวานเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งนั่นทำให้คุณได้รับอากาศส่วนเกินอันเป็นต้นเหตุของท้องอืดและปวดท้อง รวมไปถึงปัญหาในระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ได้... ที่ไม่ควรมองข้ามคือ แม้ว่าคุณจะเลือกหมากฝรั่งชนิดไม่มีน้ำตาล แต่ก็อาจฟันผุได้ และสารให้ความหวานเทียมก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วยเหมือนกัน
 
2) ผลไม้อบแห้ง
ถ้าคุณไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคหอบหืดเพราะไม่เคยมีอาการมาก่อน ผลไม้อบแห้งและระดับออกซิเจนในห้องโดยสารอาจกระตุ้นให้อาการกำเริบได้... สมาคมการแพทย์การบินและอวกาศ อธิบายว่าในผลไม้อบแห้งมีซัลไฟต์ซึ่งอาจทำให้ทางเดินหายใจเกิดการระคายเคือง หากกินมากๆ นอกจากทำให้หายใจติดขัดแล้ว ยังมีอาการปวดท้อง ท้องร่วง เวียนศีรษะ อาเจียน หมดสติ และอาจตายได้
 
3) ฟาสต์ฟู้ด
ใครล่ะจะปฏิเสธความอร่อยของพิซซา แฮมเบอร์เกอร์ และเฟรนช์ฟรายส์ได้ลงคอ... แต่ที่ฟาสต์ฟู้ดได้ชื่อเล่นว่า “อาหารขยะ” ย่อมมีที่มา เพราะมีไขมันเลว น้ำตาลและเกลือในปริมาณมากจนเป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและหลอดเลือด หากคุณซื้อไปกินบนเครื่องแล้วล่ะก็ นอกจากจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพแล้ว ลองจินตนาการว่ามีกลิ่นน้ำมันจากฟาสต์ฟู้ดคละคลุ้งตลอดชั่วโมงบินอันยาวนานสิ อาจจะทำให้เพื่อนร่วมเที่ยวบินคนอื่นๆ เวียนหัวจนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำเลยนะ 
 
4) ป๊อบคอร์น
ใครที่วางแฟนจะดูหนังมาราธอน โดยมีป๊อบคอร์นรสโปรดเป็นของว่างตลอดเที่ยวบิน อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก... นอกจากคุณจะท้องอืดแล้ว เสียงกรอบแกรบยังรบกวนผู้โดยสารคนอื่นๆ และหากเกิดเหตุการณ์ ‘เครื่องบินตกหลุมอากาศ’ ป๊อบคอร์นในมือก็อาจลอยละล่องไปทั่วจนส่งกลิ่นไปคลุ้งทั่วทั้งห้องโดยสาร กลายเป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ของเที่ยวบินเลยก็ได้ 
 
5) หอมและกระเทียม
ถ้าก่อนขึ้นบินคุณฟาดเมนูโปรดอย่างหมูกระเทียม ปลาหมึกกระเทียม หรือเมนูที่มีกระเทียมเน้นๆ ขอบอกว่าคุณจะมีกลิ่นลมหายใจและกลิ่นตัวแบบกระเทียมยาวนานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว และใช่ว่าทุกคนจะปลื้มกับกลิ่นนี้... ถ้าเผลอกินเข้าไป ศ.เชอร์รีล แบร์ริงเจอร์ นักวิทยาศาสตร์การอาหารที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการกลิ่นจากโอไฮโอ บอกว่า ลองกินแอปเปิ้ลดิบสักผลหรือใบสะระแหน่ จะช่วยเรียกคืนความสดชื่นให้ลมหายใจได้
 
6) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
หลายคนคิดว่าหากดื่มสักแก้วจะช่วยคลายกังวลและหลับได้ง่าย แต่เราอยากให้คุณคิดใหม่... อย่างที่เรารู้กันดีว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้ร่างกายขาดน้ำ เมื่อบวกกับข้อมูลของสมาคมการแพทย์การบินและอวกาศ ที่บอกว่าโดยธรรมชาติแล้วการนั่งเครื่องบินจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ ยิ่งเป็นเที่ยวบินยาวนานมากกว่า 4 ชั่วโมงซึ่งคุณต้องนั่งอยู่กับที่เฉยๆ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดมากขึ้นเป็นสองเท่า 
 
7) กาแฟ
การดื่มกาแฟสักแก้วอาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่าคาเฟอีนที่ร่างกายได้รับอาจทำให้ตลอด 2 ชั่วโมงบนเครื่องบินคุณหมดไปกับการเดินเข้าห้องน้ำและหลับไม่ลงแม้จะเพลียแค่ไหนก็ตาม... คาเฟอีนก็เหมือนอาหารบางชนิดคือกินมากไปก็ไม่ดี โดยร่างกายเราไม่ควรได้รับคาเฟอีนเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ข้อมูลจากวารสาร Frontiers in Nutrition บอกว่าถ้ากินมากเกินไป คาเฟอีนจะทำหน้าที่เหมือนยาขับปัสสาวะ ซึ่งการฉี่บ่อยทำให้ร่างกายสูญเสียโซเดียมและโพแทสเซียม และคาเฟอีนอาจเป็นต้นเหตุให้เกิดอาหารปวดหัวและปวดกล้ามเนื้อได้อีกด้วย
 
8) น้ำอัดลม
ข้อมูลจากวารสาร European Respiratory Journal บอกว่า 18% ของผู้ป่วยโรคปอดที่ขึ้นเครื่องบินจะมีปัญหาการหายใจ ซึ่งการดื่มน้ำอัดลมจะเป็นการเพิ่มแก๊ซให้ร่างกาย เมื่อเครื่องบินบินในระดับความสูงที่เพิ่มขึ้น แก๊ซอาจขยายตัวจนเพิ่มแรงกดดันให้ปอด ทำให้เกิดอาการหายใจไม่พอตามมาได้

ถ้าไม่อยากมีประสบการณ์แย่ๆ ในการบินไฟลท์หน้า เดินลงจากเครื่องบินด้วยสภาพอิดโรยคล้ายคนเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ก็ควรเลี่ยงอาหารทั้ง 8 ประเภทที่เราว่ามา ทางที่ดีคือจิบน้ำเปล่าเพื่อป้องกันร่างกายสูญเสียน้ำ และหากเป็นเที่ยวบินที่ใช้เวลายาวนานหลายชั่วโมง ก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายบ้าง ให้เลือดลมได้ไหลเวียนอย่างที่ควรเป็นจะดีที่สุด



 
-->