นี่คือ 5 วิธีคุมกำเนิดสุด ‘Classic’ ที่คุณต้องเซอร์ไพรส์



ยุคปัจจุบันจะเห็นว่าการคุมกำเนิดนั้นเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย แค่ไปเซเว่นก็คว้ามาได้เลยหรือถ้าเป็นผู้หญิงก็สามารถตัดปัญหานี้ทิ้งไปได้ง่ายๆ เพราะว่าทางการแพทย์เขามีนวัตกรรมคุมกำเนิดแบบใหม่ ชื่อว่า การฝังแท่งคุมกำเนิด ที่คุมการตั้งครรภ์ได้นานถึง 5ปี!  นี่เลยจุดประกายให้เรามานั่งคิดเล่นๆ ว่า ตกลงคนสมัยก่อนเขาไม่คุมกำเนิดกันบ้างหรอ ซึ่งรู้มั๊ย? พอเจอคำตอบเราเองแทบช๊อค! เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้…และนี่ล่ะ คือ 9 กรรมวิธีสุดคลาสสิคในการคุมกำเนิดช่วงศตวรรษที่ 19 และ 20 ที่เราต้องบอกต่อ ขอบอกว่า แค่คุณเห็นชื่อวัตถุดิบแล้วถึงกับต้องเซอร์ไพรส์! 

คุมกำเนิดโดย  “นำผึ้งและส่วนผสมของพืชอาคาเชีย” 

ย้อนไปเมื่อปี ค. ศ. 1850 มีบันทึกเรื่องราวของการคุมกำเนิดในยุคอียิปต์โบราณบอกเล่าว่าวิธีที่ยอดนิยมของหญิงสาวๆ สมัยนั้นก็คือ “การนำน้ำผึ้ง ผลดอกและใบของอาคาเชียมาผ่านกรรมวิธีแบบโฮมเมด” ซึ่งพวกหล่อนเชื่อว่าวิธีนี้จะสามารถฆ่าเชื้ออสุจิได้ โดย 3 วัตถุดิบนี้จะถูกนำมาผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว หลังจากนั้นพวกเธอจะนำชิ้นส่วนของผ้าที่ใช้พันแผลหรือสำลีจุ่มลงไป ต่อมาก็จะนำมาสอดเข้าช่องคลอดตัวเองทุกครั้งก่อนการมีเซ็กส์ โดยเชื่อว่าโอกาสที่เหล่าสเปริ์มจะเดินทางไปถึงมดลูกนั้นเป็น “ศูนย์”  

Photo by Heather Barnes on Unsplash

และถ้าถามว่ามันเวริค์มั๊ย? เราก็ยังให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้ แต่เท่าที่รู้มาคือมีวิธีการคล้ายๆ กันแล้วถูกยืนยันในกระดาษปาปิรัส เมื่อ 1550 ปี ก่อนคริสตกาลว่าใช้ได้ “จริง” โดยข้อความในบันทึกบอกว่า เส้นใยอย่างขนสัตว์หรือฝ้ายที่นำสอดใส่ช่องคลอดแล้วผ่านการนำมาคลุกเคล้าด้วยส่วนผสมของใบอะเคเซีย อินทผลัม และน้ำผึ้งนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธภาพจริง ถ้าเปรียบการคุมกำเนิดแบบนี้กับในยุคปัจจุบันล่ะก็ เว็บไซต์ mgronline.com บอกว่ามันก็เหมือนกับยาเหน็บ หรือการคุมกำเนิดแบบหมวกครอบปากมดลูกในปัจจุบันนั่นล่ะ 


อุนจิจระเข้เหน็บช่องคลอด

Photo by Unsplash

มูลจระเข้นี่ล่ะ คือวัตถุดิบที่ชาวอียิปต์สมัยนั้นเขาคิดว่าถูกสุขอนามัยที่สุด ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกัน  Anna Targonskaya ผู้เชียวชาญด้านการให้คำปรึกษาทางพยาธิสภาพในการตั้งครรภ์และภาวะมีบุตรยาก เล่าว่า ชาวอียิปต์โบราณและชาวชนเผ่าในเมโสโปเตเมียจะผสมมูลจระเข้เข้ากับส่วนผสมหลายอย่างแล้วทำเป็นแพซซารี่หรือยาเหน็บช่องคลอด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มีงานวิจัยไหนออกมาบอกว่ามันได้ผลเลยย… แต่เชื่อมั๊ย? ว่ามูลชาละวันเนี่ย ไม่ใช่มูลสัตว์ชนิดเดียวที่ถูกหยิบมาทำยาคุมกำเนิดนะ เพราะบรรพบุรุษของชาวอินเดียและอาหรับเขาก็เลือกใช้วิธีเดียวกัน เพียงเปลี่ยนชนิดอุนจิไปเป็นของสัตว์ใหญ่อย่าง “ช้าง” มาใช้ก็เท่านั้น! 


 “ตะกั่วและปรอท” ยาคุมกำเนิดชนิดดื่ม 

Photo by nypost.com

เป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องตะโกน “OMG” ในใจดังมาก เพราะสารเคมีเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เฟรนลี่ต่อร่างกายของมนุษย์เลยซักนิด เมื่อสมัยที่โลกอยู่ในยุคของอารยธรรมโบราณ ผู้คนเลือกใช้โลหะสองชนิดนี้พร้อมกับสารหนูมายำรวมกันแล้วดื่ม หรือไม่ก็เลือกดื่มอย่างใดอย่างหนึ่ง  ตามหลักของการแพทย์นั้นสารเคมีเหล่านี้ล้วนเป็นพิษและเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะโรคไต การทำงานของสมองล้มเหลว และภาวะการหายใจล้มเหลวที่ปอดด้วย ซึ่งสิ่งที่เซอร์ไพรส์เราที่สุดสำหรับเคสนี้ก็คือ! Miss Targonskaya ผู้เชียวชาญด้านการให้คำปรึกษาทางพยาธิสภาพในการตั้งครรภ์และภาวะมีบุตรยากคนเดิมนี้เธอเล่าว่า มันเป็นการคุมกำเนิดที่ “เวริค์” จริง


สกัด “Silphium” เป็นยาคุม ฯ แบบทาน

Photo by ayushology.com

Silphium คือดอกซิลเฟียมที่มีต้นกำเนิดในเมือง Cyrene ของประเทศกรีก เมื่อย้อนไปในอดีต พืชชนิดนี้ได้ถูกนำมาใช้รักษาอาการคลื่นไส้ ตาปลาที่เท้า รวมไปถึงอาการมีไข้ หนาวสั่น ที่สำคัญ! ยังถูกนำมาสกัดเป็นยาคุมกำเนิดแบบทาน ขณะเดียวกันบางคนก็ได้นำมาบดเป็นน้ำแล้วใช้ผ้าจุ่มลงไป ก่อนที่จะนำมาสอดเข้าช่องคลอดเพื่อเป็นการคุมกำเนิดให้กับตัวเองระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ย้อนแย้งกับสิ่งที่เว็บไซต์health24.com บอกเอาไว้ว่าผู้หญิงสมัยก่อนนั้นจะดื่มน้ำที่สกัดมาจากเจ้าดอกนี้ ทุกๆ เดือน เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการคุมกำเนิด โดยมีแนวโน้มว่าจะสามารถคุมการตั้งครรภ์ได้จริง 


ฆ่าเชื้ออสุจิด้วย “น้ำมันมะกอก”

Photo by pixabay.com


วิธีการคุมกำเนิดแบบโบราณนี้มาจากแนวคิดที่เสนอโดยอริสโตเติลที่บอกไว้ว่า ผู้หญิงกรีซโบราณจะใช้น้ำมันมะกอกผสมกับน้ำมันซีดาร์ หรือน้ำมันหอมระเหยที่ทำมาจากต้นซีดาร์ นั่นก็เพื่อไปลดการเคลื่อนตัวของอสุจิ โดยพวกเธอเชื่อว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้เจ้าสเปิร์มค่อยๆ ตาย เป็นการลดโอกาสในการตั้งครรภ์ระหว่างชำระหรือฉีดล้างอวัยวะเพศของตัวเองนั่นเอง เว็บไซต์ health24.com พบว่า มีการศึกษาล่าสุดอธิบายว่า ในน้ำมันมะกอกมีสารธรรมชาติชื่อว่า “lupeol” หรือลูพิออล เป็นโมเลกุลที่เปรียบเสมือน "ถุงยางอนามัย" เพราะมันป้องกันไม่ให้ไข่เกิดการปฏิสนธิได้ 

เห็นหรือยัง? ว่ายุคของเรานั้นโชคดีขนาดไหนที่เทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกสุดๆ ฉะนั้นทุกครั้งที่ยังไม่พร้อม ก็อย่าลืมป้องกันไว้ก่อน ดูอย่างคนสมัยก่อนซิ เขายังอะแวร์จนคิดค้นกรรมวิธีต่างๆ จนน่าทึ่งขนาดนี้ เอาล่ะ! ว่าแต่ถ้าคุณเจอวิธีคุมกำเนิดที่เด็ดและคลาสสิคกว่านี้อีกมั๊ย? ถ้าเจอก็อย่าลืมแชร์กันมาด่วนๆ เพราะเรารอฟังอยู่...



 

-->