หายากมากเลยนะ คนที่ไม่มีแอคเค้าท์โซเชียลมีเดียร์ อย่างเฟซบุ้ค อินสตาแกรม ฯลฯ การ "ไม่มี" กลายเป็นของแปลก การ “มี” จึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางคนกลับจริงจังกับสิ่งที่อยู่ในโลกออนไลน์มากกว่าคนอื่นๆ

ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิด-ถูก เพราะเราต่างมีความจำเป็นต่างกัน ขณะที่บางคนต้องทำงานผ่านโซเชียลมีเดียร์ ซึ่งความสำเร็จถูกวัดด้วยตัวเลขของยอดไลค์-คอมเม้นต์-แชร์ ขณะที่บางคนก็ออนไลน์ตลอดเวลา แม้ว่ากำลังทำสิ่งอื่นอยู่ก็เถอะ เช่น ระหว่างกินข้าวกับพ่อแม่ แฮงเอ้าท์กับเพื่อนๆ กว่าจะรู้ตัวก็กลายเป็นคนติดโซเชียลไปแล้ว 

แล้วคุณเป็นคนหนึ่งที่ถูกครอบงำโดยโซเชียลมีเดียมากเกินไปหรือเปล่า... นี่คือ 8 สัญญาณว่าคุณควร Detox โซเชียลมีเดียออกจากชีวิตตัวเองได้แล้ว

1) ไม่เคยวางโทรศัพท์เลย
ถ้าที่ประจำของโทรศัพท์คืออยู่ในมือหรืออยู่ใกล้มือที่สุด แม้ว่าจะเป็นเวลางานหรือตอนไปกินข้าวกับคนสำคัญ หรือถ้าคุณต้องเช็คหน้าไทม์ไลน์ตลอดเวลาทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องงานเลย คงถึงเวลาต้องทำอย่างอื่นแล้วล่ะ... ถ้าทำไม่ได้ก็ลบบาง App เพื่อหาเวลาให้ตัวเองและคนใกล้ตัวมากขึ้น

2) รู้สึกกังวลทุกครั้งที่ไม่ได้เลื่อนหน้าจอ 
ถ้าไม่หยิบมือถือขึ้นมาดู คุณนึกภาพออกมั้ยว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่? เพื่อนของคุณจะคิดถึงมั้ยที่ไม่ได้เจอหน้ากันนานมาก? หมาที่บ้านจะรู้สึกยังไงที่คุณไม่พามันออกไปเดินเล่นนอกบ้านเลย? หรือมันทำให้คุณกังวลเพียงเพราะไม่ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์... ถ้าเป็นแบบนี้ก็ควรหยุด แล้วจัดสรรเวลาพัฒนาตัวเอง ตระหนักว่าชีวิตเราควรกังวลกับเรื่องอะไรบ้าง 

 

3) รู้สึกแย่ที่เห็นภาพถ่ายของคนอื่น
คุณมักจะรู้สึกเศร้าหรืออิจฉาที่เห็นภาพไลฟ์สไตล์สุดเก๋ของเพื่อนในเฟซบุ้คหรืออินสตาแกรมหรือเปล่า? หรือเคยมีความคิดว่าอยากมีบ้านแบบนั้น ใส่รองเท้าแบบนั้น ไปเที่ยว หรืออยากมีชีวิตแบบที่เห็นผ่านหน้าฟีด? ... ถ้าคุณเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับสิ่งที่เห็นจนตัวเองรู้สึกตกต่ำ ก็ถึงเวลาต้องวางมือถือหรือปิดคอมพิวเตอร์ แล้วทำสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีคุณค่าขึ้น เช่นออกไปเจอผู้คนใหม่ๆ อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม หรือออกกำลังกายอย่างจริงจัง

4) ตระหนักกับแต่ละโพสต์ มากกว่าการใช้ชีวิตนอกโลกออนไลน์ 
เมื่อคุณออกไปทำกิจกรรมหรือเจอเพื่อนฝูง คุณมักจะวางแผนการโพสต์รูปถ่าย ว่าจะถ่ายมุมไหน เขียนแคปชั่นว่าอะไร และโพสต์กี่โมง เพื่อเรียกยอดไลค์เยอะๆ ก่อนจะโพสต์หรือทวีต? แม้ว่าคุณกำลังทำกิจกรรมอย่างการไปเดินป่าหรือฟังคอนเสิร์ตก็ยังมีความคิดพวกนี้อยู่? ... อาจดูเหมือนคนเป็นคนชอบวางแผน แต่เลิกหลอกตัวเองเถอะ สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า แล้วสนุกกับกิจกรรมตรงหน้า

5) เช็คหน้าฟีดโดยไม่ได้คิดอะไร
ทุกครั้งที่เบื่อหรือไม่มีอะไรทำ มักจะหยิบโทรศัพท์หรือเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นเมื่อเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่พลาดอะไร? ... ถ้าสิ่งแรกที่คุณทำเมื่อเบื่อคือเช็คเฟซบุ้คหรือไอจี คุณต้องวางลงแล้วหาอย่างอื่นทำ 

6) เล่นจนกระทบการทำงาน 
แม้ในช่วงเวลาสำคัญคุณก็ยังออนไลน์? หรือเคยทำงานไม่เสร็จเพราะมัวแต่เลื่อนหน้าฟีด หรือคิดหาคำมาทวีตหรือเปล่า?  ถ้าการใช้เวลากับโลกโซเชียลกระทบการทำงาน ก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนแปลง อาจลบ App ที่ติดมากๆ ออก แล้วโหลดแอปที่ช่วยในการบริหารจัดการเวลามาใช้แทน

7) มีข้อแก้ตัวเสมอทุกครั้งที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ค 
ขณะใช้เวลากับเพื่อนหรือครอบครัวแล้วคุณมักจะหาข้อแก้ตัวเพื่อเช็คมือถือ? คุณอาจบอกพวกเขาว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของงาน หรือบางครั้งก็แกล้งเข้าห้องน้ำเพื่อเช็คโทรศัพท์เพรากลัวแม่บ่น... ถ้าโลกออนไลน์มีแรงดึงดูดมากกว่าโลกแห่งความเป็นจริงจนคนรอบข้างบอกให้คุณถอยออกมาบ้าง ก็ถึงเวลาแล้วล่ะ

8) หลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง –
ถ้าคุณเลือกจะนั่งเล่นเฟซบุ้คอยู่บ้านทั้งที่เพื่อนชวนออกไปกินข้าวนอกบ้าน หรือเลือกที่จะไม่ออกไปไหนเพราะกลัวพลาดสิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนจริง ก็ถึงเวลาที่ต้องพัก... แน่นอนว่าการเล่นไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็อย่าให้มากหรือบ่อยเกินไปจนไม่เกิดการปฏิสัมพันธ์ขึ้นในชีวิตจริง

หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีลักษณะอย่างที่ว่ามา ก็คงถืงเวลาต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วล่ะ... อย่าให้สายเกินไปจนเป็นโรคติดโทรศัพท์มือถือ (Nomophobia) โรคที่ผู้ป่วยจะมีความหวาดกลัวจากการขาดโทรศัพท์มือถือ เกิดความเครียดเมื่ออยู่ในจุดอับสัญญาณหรือเเบตเตอรี่หมด จนไม่สามารถติดต่อใครได้