เมื่อ 'ความเครียด' คือตัวการร้าย ทำลายผิว

“ยิ่งเครียด ยิ่งแก่” คำนี้ไม่ได้มาพูดกันเล่นๆ นะบอกเลย เพราะความเครียดสามารถทำร้ายผิวของเราได้จริงๆ ความเครียดสามารถทำให้ความดันเลือดของเราพุ่งสูงปี๊ด และยังทำให้คอลลาเจนในผิวหนังถูกทำลายโดยที่เราไม่รู้ตัวอีก  อย่างมีงานวิจัยที่แพทย์อเมริกันบอร์ดสาขาโรคผิวหนัง บรรณาธิการตำราโรคผิวหนังในเวชปฏิบัติปัจจุบันบอกไว้ว่าผู้ป่วยที่มีโรคผิวหนังร้อยละ 30 มักมีปัญหาเรื่องความเครียดและภาวะด้านจิตใจร่วมด้วย นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้เป็นฝ้าได้ อย่างบางคนเวลาเครียดจะกัดเล็บ นอกจากมีผลเสียต่อบุคลิกภาพด้วยแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการถ่ายทอดเชื้อโรคจากเล็บเข้าสู่ปาก ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือความเครียดทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าเกร็งตัว เกิดเป็นรอยย่นลึกที่ใบหน้าได้อีกนะ เพราะแบบนี้ก็เลยต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ซะแล้วว่าความเครียดส่งผลกระทบกับผิวของเราอย่างไรบ้าง



ความเครียดทำร้ายผิวยังไงกัน ?
ความเครียดที่ส่งผลกับผิวหรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นโรคทางจิตวิทยาผิวหนัง (Psychodermatology) เกิดจากสภาพทางจิตใจและความเครียดที่ส่งผลกับผิวของเรา หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเมื่อเราเกิดความเครียดขึ้นมา ความเครียดจะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติ ซึ่งไม่ใช่แค่ส่งผลเสียกับร่างกายแต่ยังเหมารวมไปถึงผิวของเราด้วยนั่นเอง โดยตัวอย่างอาการหลักๆ ที่เกิดขึ้นของผิวหนังเมื่อเราเครียด นั่นก็คือ
  • ทั้งสิว ทั้งผด เข้ายึดพื้นที่บนใบหน้า  เคยเป็นกันมั้ย พอเวลาคิดมากหรือเกิดความเครียดก็เริ่มมีสิวอักเสบที่จับแล้วรู้สึกเจ็บๆ เกิดขึ้นมาบนหน้าของเรา เพราะเวลาเราเครียด ร่างกายจะผลิตไขมันออกมามากขึ้น รูขุมขนก็เปิดกว้างขึ้น เกิดแบคทีเรียอุดตันเข้าในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ต่างรู้กันดีว่าทำให้เกิดสิวอุดตันได้นั่นเอง
  • ผิวอักเสบหรือระคายเคืองต่างๆ ขึ้นชื่อว่าร่างกายก็ต้องยอมรับว่าส่วนต่างๆ ย่อมเชื่อมโยงกันหมด ไม่ว่าจะเรื่องสภาพจิตใจ ผิว และกระเพาะอาหาร เมื่อเราเกิดอาการจิตตกหรือเครียด ก็ส่งผลกระทบไปถึงการทำงานของกระเพาะอาการ ระบบย่อยต่างๆ ทำงานช้าลงและแย่ลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ร่างกายเกิดการอักเสบ จนอาจกระทบถึงผิว(หนัง)หน้าของเราทำให้เกิดสิว เป็นโรคสะเก็ดเงิน หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนังต่างๆ ได้
  • ผิวแห้งและขาดน้ำ อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกเลยว่าพอเกิดอาการเครียดร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) โดยฮอร์โมนตัวนี้จะส่งผลต่อผิวของเรา ทำให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้น้อยลง และความเครียดที่มีอยู่ก็ยิ่งทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายหลั่งออกมามากกว่าปกติ ทำให้ต่อมเหงื่อของเราขยายตัว ร่างกายก็ยิ่งสูญเสียน้ำมากกว่าเดิม จนเกิดอาการผิวขาดน้ำไปในที่สุด

เครียดลงผิว(อาจ)เลี่ยงไม่ได้…แต่ดูแลได้
ถึงแม้ว่าความเครียดคงเป็นเรื่องยากที่อาจเลี่ยงแต่ก็สามารถรับมือได้เพื่อผิวของเราที่ดีมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น
  • นอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
  • หากิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลายและสิ่งที่ตัวเองชอบ เช่น เล่นเกม อ่านหนังสือ ไปเที่ยว
  • เลือกกินอาหารที่ต้านฮอร์โมนความเครียดได้ เช่น โอเมก้า 3 , น้ำมันมะกอก , ไขมันจากถั่ว เป็นต้น

นอกจากนี้ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากมายที่สามารถเสริมความแข็งแรงของผิว ให้ผิวแกร่งพร้อมรับมือกับความเครียดได้ บอกเลยว่าซีซั่นนี้ผิวขาวอย่างเดียวอาจเอ้าท์ไปแล้ว ต้องผิวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอกด้วยนะสนใจแพกเกจผิวหนังและความงาม คลิก!
-->