“รอยช้ำปริศนา” ตามร่างกาย อาจมีที่มาจาก 7 สาเหตุนี้

เชื่อว่าหลายคนมีปัญหานี้ คือมีรอยช้ำเป็นประจำโดยเฉพาะที่เรียวขา เพราะเดินชนนั่นชนนี่เป็นประจำ แต่หลายครั้งก็นึกไม่ออก ว่ารอยช้ำใหม่ที่เพิ่มมาเกิดขึ้นตอนไหน เพราะยังไม่ได้ชนอะไรเลย ก็ควรเริ่มกังวลได้แล้วล่ะ

แล้วรอยช้ำแบบไหนที่น่าเป็นห่วง?? โดยปกติหากผิวโดนกระแทก รอยช้ำจะมีสีแดง หลังจากนั้นอาจเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น และภายใน 5-10 วันจะเปลี่ยนเป็นเขียวหรือเหลืองจนใกล้เคียงกับสีผิวปกติ และช่วงวันที่ 10-14 จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลกระทั่งบริเวณที่ถูกกระแทกมีสีเดียวกับสีผิวโดยรอบ ถ้ารอยช้ำไม่หายไปในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ก็ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติต่อไป

เพราะรอยช้ำเล็กๆ อาจสะท้อนปัญหาสุขภาพที่เราต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง

• ยกของหนักเกินไป
ในที่นี้รวมถึงการยกเวทด้วย แม้การยกน้ำหนักจะเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย ทว่าเส้นเลือดฝอยที่แข็งแรงดีก็อาจได้รับความเสียหายได้หากหักโหมจนเกินไป หรือทำตอนที่ร่างกายยังไม่พร้อม... ทั้งนี้ เด็กๆ ก็มีโอกาสเกิดรอยช้ำปริศนาได้เหมือนกัน โดยเฉพาะการสะพายกระเป๋านักเรียนซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหนักมาก ถ้ารอยช้ำเกิดจากสาเหตุนี้ ก็เพียงแค่ลดขนาดของที่จะถือ หรือลดน้ำหนักที่จะยก

• กินยาบางชนิด
การรักษาโรคบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือดอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ เช่น ยากล่อมประสาท ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยารักษาโรคหืด และธาตุเหล็ก ถ้าคุณสังเกตเห็นความผิดปกติเกิดขึ้นทุกครั้งหลังจากที่กินยา ก็ควรพบแพทย์ เพราะมีแนวโน้มว่ายาตัวนั้นอาจทำให้เลือดออกภายใน

• โรคเลือดต่างๆ
อาทิ ภาวะเส้นเลือดขอด โรควอนวิลลิแบรนด์ (vWD) ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือโรคลูคิเมีย ที่มักมีต้นเหตุจากระบบไหลเวียนโลหิตมีปัญหา และหากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยอย่างขาบวมและเจ็บ เหงือกเลือดออก เลือดกำเดาไหล เกิดกลุ่มเส้นเลือดฝอยตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย ก็ควรรีบพบแพทย์

• ขาดสารอาหาร
โดยเฉพาะวิตามิน เช่นวิตามินบี 12 ที่มีส่วนในการผลิตเลือด วิตามินเคที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว และวิตามินซีที่ช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ถ้าขาดสารอาหารเหล่านี้ เส้นเลือดก็จะอ่อนแอ อีกตัวที่สำคัญไม่แพ้กันคือวิตามินพี (Bioflavonoids) ถ้าพร่องไป ร่างกายก็ไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้ จะทำให้เส้นเลือดบางลง ทำให้ผิวแย่ลง ขณะที่ถ้าขาดธาตุเหล็กก็ทำให้เส้นเลือดฝอยอ่อนแอลง... แต่อย่าเพิ่งซื้อวิตามินกินเอง ลองตรวจร่างกายก่อนว่าตัวเองขาดอะไรแล้วจัดโภชนาการใหม่
** อาหารที่อุดมด้วยวิตามินพี คือ ชาเขียว แอบเปิ้ล ฟักทอง กระเทียม
** อาหารที่อุดมด้วยวิตามินเค คือ กล้วย ไข่ ถั่ว และไขมันปลา
** อาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี 12 คือตับ ปลา ชีส และผักกาดหอม

• ฮอร์โมนไม่สมดุล
ต้นเหตุส่วนใหญ่ของรอยช้ำปริศนาในผู้หญิงเกิดเพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนลดต่ำ การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนจะทำให้เส้นเลือดอ่อนแอ ผนังและเส้นเลือดฝอยจะถูกทำลายได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยทอง 

• อายุที่เพิ่มขึ้น
ข้อนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของจริง เมื่อเราแก่ตัวลงระบบหลอดเลือดก็จะอ่อนแอและเนื้อเยื่อต่างๆ จะสูญเสียความยืดหยุ่น รอยช้ำปริศนามักจะเกิดที่ช่วงขา ที่เห็นได้ชัดคือเส้นเลือดฝอย

• โรคเบาหวาน
รอยช้ำก็เป็นสัญญาณหนึ่งของการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งโรคนี้ส่งผลให้การไหลเวียนเลือดแย่ลงจึงทำให้ง่ายต่อการเกิดรอยช้ำต่างๆ นอกจากรอยช้ำแล้ว ผู้ป่วยมักจะกระหายน้ำบ่อย เหนื่อยง่าย แผลหายช้า มองภาพไม่ชัด และมีจุดขาวๆ ที่ผิวหนัง

คราวหลัง ก็อย่ามองข้ามรอยช้ำ เพราะเพียงแค่ความผิดปกติเล็กๆ อาจสะท้อนปัญหาสุขภาพที่คุณคาดคิดมาก่อนก็ได้นะ



 
-->