คุณค่าของเรา...อยู่ที่ใจ ไม่ใช่คำตัดสินของใคร
เราจะพามาพูดคุยกับคุณ “บุญรอด อารีย์วงษ์” เจ้าของช่อง TikTok “บุญรอดไม่น่ารอด” (@bunroda) และนักแสดงนำในช่อง YouTube Poocao Channel ผู้มีคติประจำใจว่า “ร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่อุปสรรคในการใช้ชีวิต” ชีวิตที่ไม่ง่าย แต่ก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มาจนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ผู้สร้างแรงบันดาลใจทุกวันนี้(1).jpg)
เราอาจเลือกเกิดไม่ได้ แต่เรา 'เลือกได้' ว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน แค่เริ่มต้นคุยเพียงไม่กี่คำ ก็รู้สึกถึงพลังบวกมาเต็มๆ "เราเลือกเกิดไม่ได้ ไม่ว่าจะเพศไหน หรือแม้กระทั่งความสมบูรณ์แบบในชีวิต แต่การเลือกจะเป็นแบบไหนที่เราอยากเป็น พร้อมรักและแคร์ตัวเองก่อนเป็นสิ่งที่เราทำได้ — จริงๆ แล้วบางทีโลกไม่ได้ใจร้ายกับเราหรอก แต่ ‘สังคม’ มากกว่าที่ใจร้ายกับเรา" ถ้าวันนี้คุณกำลังท้อแท้กับชีวิต เราอยากให้คุณลองอ่านบทความนี้ดูก่อน
หมดยุค! ของการสร้างกรอบให้คนที่แตกต่าง แม้ว่าตอนนี้สังคมจะเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังมีหลายคนที่สร้าง “กรอบ” ให้กับคนพิการ หรือกลุ่ม LGBTQ+ ว่า “ทำได้เท่านี้” หรือ “เป็นได้แค่นี้” ทั้งที่ในความเป็นจริงสังคมสมัยนี้ที่บอกกันว่าเปิดกว้าง ก็ไม่ควรมีกรอบเหล่านี้อีกต่อไป เพราะมันไม่ยุติธรรมกับคนที่เกิดมาแตกต่าง ไม่ว่าเค้าจะเป็นอะไรเค้าไม่ควรต้องทำตามกรอบที่หลายๆ คนวางไว้หรือเปล่า
“คนเราเกิดมาควรมีสิทธิเท่ากัน ไม่ควรมีข้อจำกัดในการใช้ชีวิต”
“บางครั้งแค่แต่งหญิงขึ้นรถไฟฟ้า ก็ยังถูกมองว่าแปลก — แล้วทำไมเราถึงเป็นตัวเองไม่ได้?”
กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ ... ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แน่นอนว่าการอยู่ในสังคมที่ถูกตีกรอบ การใช้ชีวิตในแต่ละวันคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เมื่อเราซื่อสัตย์กับตัวตนของเรา เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง และพยายามมากพอ เราก็พร้อมที่จะก้าวข้ามกรอบต่างๆ ที่คนอื่นสร้างไว้ เช่น ‘คนพิการเรียนหนังสือไม่ได้’ , ‘ทำงานไม่ได้’ แต่คุณบุญรอดพิสูจน์แล้วว่า ทำได้ทุกอย่าง คุณบุญรอดจบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ทลายกำแพงความคิดเหล่านี้ แล้วบอกให้สังคมรู้ว่าข้อจำกัดที่ทุกคนคิดไว้ มันไม่มีอยู่จริง
“ไม่ว่าสังคมจะสร้างกรอบไว้ขนาดไหน แต่อยู่ที่เรามากกว่า ว่าเรากล้ามั้ยที่จะสู้กับมัน”
คุณบุญรอดเชื่อว่า ทุกคนที่แตกต่างเค้ามีศักยภาพมากๆ และทุกคนควรมีสิทธิเป็นตัวเอง
แรงซัพพอร์ตสำคัญ...คือคนที่อยู่รอบๆ ตัว ความเข้าใจและเคารพในตัวตนคือสิ่งสำคัญที่จะผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ซึ่งคุณบุญรอดเล่าให้ฟังว่าเขามีสังคมรอบข้างที่ดี ที่คอยซัพพอร์ตกันมาตลอด เริ่มตั้งแต่ “ครอบครัว” ด้วยอาการป่วยที่เป็นตั้งแต่กำเนิด ถ้าไม่ได้เกิดมาในครอบครัวนี้ ที่ทุกคนพร้อมซัพพอร์ตและดูแล ก็คงไม่ได้เป็น ‘บุญรอด’ ที่แข็งแรงและเป็นรอยยิ้มของทุกคนในทุกวันนี้
"พ่อแม่ไม่เคยยอมแพ้ ทั้งที่คนอื่นมองว่าคุณบุญรอดทำไม่ได้ เช่น ตอนเด็กๆ ไปสมัครเรียนที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ต้องขอบคุณครอบครัวที่สู้เพื่อให้คุณบุญรอดได้เรียน ได้มีสิทธิเท่าเทียมคนอื่นๆ"
.jpg)
"รวมถึงเพื่อน และคณะอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เปิดโอกาสให้คุณบุญรอดได้เป็น “พิธีกรคณะ” ทั้งๆ ที่หลายคนมองว่าด้านการสื่อสารน่าจะเป็นข้อจำกัดของบุญรอดแต่ที่นั่นกลับเปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นพื้นที่แสดงศักยภาพ"
กำลังใจที่อยากส่งต่อ ให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าตัวเอง การมีคนรอบข้างที่ดีจะทำให้เรารู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง แต่หากมีคนรอบข้างที่ไม่ดีก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจหรือรู้สึกแย่กับตัวเองได้เช่นกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วคุณบุญรอดได้ให้ข้อคิดไว้ว่า "คนที่เราควรแคร์ที่สุดคือ ‘ตัวเราเอง’ ว่าเรามีความสุขหรือเปล่า นี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด — ถ้าเรารักตัวเองมากพอ เราจะเห็นคุณค่าของตัวเองเสมอ"
สิ่งที่อยาก...ฝากให้คิด ทุกวันนี้เรารักตัวเองมากพอหรือยัง? คุณกำลังแบกความคาดหวังของคนอื่นไว้บนบ่าอยู่หรือเปล่า? บางครั้งแม้แต่คนในครอบครัวก็อาจเผลอสร้างแรงกดดันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งคุณบุญรอดได้แชร์คำสอนของคุณแม่ ที่หลายๆ บ้านที่กำลังหลงทางอยู่ อาจจะเก็บเอาไปใช้เป็นแนวทางในการเลี้ยงลูกได้ — “แม่มีหน้าที่คลอดลูกออกมาและซัพพอร์ตลูก เราไม่ใช่เจ้าชีวิตของลูก”
.jpg)
เพราะฉะนั้น อย่าใช้ความเป็นพ่อแม่ หรือผู้ปกครอง ไปเผลอสร้างความกดดันหรือคาดหวังมากเกินไป ว่าลูกเราต้องเป็นอะไร ต้องเดินเส้นทางไหน จนทำให้เขาทุกข์และสิ่งที่น่าเสียใจที่สุดคือเขาไม่เป็นตัวเอง
.jpg)
“Pride ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่มันคือความเท่าเทียมในทุกมิติ เช่น เพศ, ร่างกาย, ศาสนา หรือแม้กระทั่งเชื้อชาติ รวมไปถึงการศึกษา บุญรอดไม่อยากให้ทุกคนสนใจแค่เฉพาะช่วง Pride month แต่มันควรจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืน ยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ยังรอการซัพพอร์ตเรื่องนี้อยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่รวมไปถึงปัจจัยหรือสิทธิพื้นฐานในการใช้ชีวิตอื่นๆ ด้วย”