ทำความเข้าใจกับแต่ละช่วงเวลาของการดื่มน้ำ เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด

ในวันที่แดดร้อนจ้าและดูเหมือนว่ากินน้ำไปเท่าไหร่ก็จะยังไม่พอ จนแอบสงสัยว่าที่เรากำลังจะกลายร่างเป็นอูฐหรือเปล่านะ บางทีอาจไม่ใช่ว่าปริมาณน้ำที่กินไปไม่เพียงพอหรอก แต่เป็นเพราะกินน้ำไม่ถูกช่วงเวลามากกว่าก็เป็นได้ เหมือนกับที่งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่ได้ชี้ให้เห็นว่าเวลากับการดื่มน้ำมีความสัมพันธ์กัน โดยระบุว่าการดื่มน้ำประมาณ 500 มิลลิลิตร ก่อนรับประทานอาหารในทุกมื้อจะช่วยลดน้ำหนักได้ประมาณ 1.3 กิโลกรัม ภายในระยะเวลา 12 สัปดาห์ รู้แบบนี้ ยิ่งต้องใส่ใจเวลาในการดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้วล่ะ



หลังตื่นนอน 
ช่วงเวลาที่ร่างกายนอนหลับพักผ่อนตลอดคืนเป็นช่วงที่ร่างกายของคนเราจะขาดน้ำ สังเกตว่าเมื่อตื่นนอนขึ้นมาแล้วจะรู้สึกปากแห้ง คอแห้ง ผิวพรรณไม่สดใส โดยเฉพาะหากว่านอนในห้องที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำด้วยแล้ว เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำทันทีหลังจากที่ตื่นนอน 1 – 2 แก้ว จะช่วยปรับสมดุลของร่างกาย สร้างความสดชื่น ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ และช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ก่อนกินอาหาร
อย่างที่บอกไปว่าได้มีงานวิจัยที่บอกว่าการดื่มน้ำก่อนกินอาหารจะช่วยลดน้ำหนัก ซึ่งนอกเหนือจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมแล้ว ยังมีงานวิจัยของ Journal Clinical Nutrition Research ในปี 2018 ที่ระบุไปในแนวทางเดียวกันว่า การดื่มน้ำก่อนรับประทานอาหาร สามารถช่วยให้กินน้อยลงได้ และไม่ใช่แค่เพียงเท่านั้น แต่การดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนการกินอาหารสักครึ่งชั่วโมงยังเป็นการกระตุ้นเตือนร่างกายให้เตรียมพร้อมกับการกินอาหาร และเป็นการส่งสัญญาณเตือนเบาๆ กับระบบการย่อยอาหาร ทำให้ระบบการย่อยทำงานได้ดีขึ้นด้วย

หลังมื้ออาหาร
แน่นอนว่าเมื่อดื่มน้ำก่อนกินอาหารแล้ว หลังอาหารก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นเดียวกัน โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1 แก้ว ซึ่งนอกจากจะเป็นการล้างปากจากการกินอาหารแล้ว หากว่ากินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง การดื่มน้ำตามจะช่วยให้ไฟเบอร์ละลายไปกับน้ำ ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น

ระหว่างและหลังออกกำลังกาย
การออกกำลังกายไม่ว่าจะหนักหรือเบาย่อมทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งหากว่าออกกำลังกายเป็นเวลานานเกินกว่าครึ่งชั่วโมงขึ้นไป ควรจิบน้ำตลอดการออกกำลังกาย เพราะถ้ารอหลังจากออกกำลังกายเสร็จอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำมากเกินไปจนเกิดอาการหน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลมได้ ซึ่งการจิบน้ำระหว่างออกกำลังกายจะช่วยทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นด้วย และเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ค่อยดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด และเรียกความสดชื่นกลับคืนสู่ร่างกาย  

ก่อนอาบน้ำ
ร่างกายและผิวหนังจะเสียความชุ่มชื่นในขณะที่อาบน้ำ โดยเฉพาะใครที่ชอบอาบน้ำอุ่น หรือน้ำที่ร้อนจัด ซึ่งนอกจากจะทำให้แห้งแล้ว ยังทำให้เส้นเลือดขยาย เกิดการไหลเวียนไปที่ส่วนต่างๆ โดยเฉพาะผิว ซึ่งสวนทางกับเลือดที่ไหลเวียนไปยังสมอง จนอาจเกิดภาวะความดันตกได้ในผู้ที่มีปัญหาด้านความดันอยู่แล้ว แต่การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนอาจน้ำจะช่วยลดโอกาสการเกิดภาวะดังกล่าว และป้องกันอาการหน้ามืด เป็นลมขณะอาบน้ำร้อนได้

เมื่อไม่สบาย
การดื่มน้ำในขณะไม่สบายจะช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งหากร่างกายขาดน้ำในขณะที่เป็นไข้จะรู้สึกเวียนหัวมากกว่าปกติและไข้ลดลงช้ากว่า เพราะเมื่อเป็นไข้ ร่างกายจะมีอุณณหภูมิสูงขึ้น ดังนั้นการดื่มน้ำจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ และทำให้หายไข้ได้เร็วมากขึ้น

ก่อนเข้านอน
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายควรได้รับน้ำ แต่ก็ควรดื่มในปริมาณที่พอดี หรือประมาณ 1 แก้วเพื่อไม่เป็นการรบกวนการนอนจากการลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก  และยังป้องกันอาการขาดน้ำ หลังจากที่เข้านอน ซึ่งจะเป็นเวลาที่ร่างกายสูญเสียสมดุลของเกลือแร่ แต่การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะจะสามารถควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย และไม่ทำให้ขาดเกลือแร่

จะเห็นว่าการกินน้ำในแต่ละช่วง ก็ให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นอยากให้การน้ำของคุณตอบโจทย์เรื่องอะไร ก็ให้เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ลองให้เวลาร่างกายปรับตัวกันซักหน่อย แล้วอย่าลืมมาแชร์ให้ฟังกันด้วยนะ ว่าปรับแล้ว ได้ผลเป็นยังไงกันบ้าง  
 
-->