ส่องเทรนด์ ผู้ชายทาเล็บ พร้อม How to เลือกสี ไปจนถึงวิธีล้างออก



ใครบอกว่าการทาเล็บเพ้นท์เล็บเป็นเรื่องของสาวๆ เท่านั้น บอกเลยว่าสมัยนี้เรื่องของศิลปะและความสวยงาม ไม่ว่าใครก็เข้าถึงได้ และไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะเพศใดเพศหนึ่งอีกต่อไป จนตอนนี้กลายเป็นเทรนด์ฮ็อตมาแรงสำหรับการเพ้นท์เล็บในผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง นักแสดง หรือเซเลปคนดัง ที่ต่างพากันอวดเล็บชิคๆ ฉีกทุกกฎของวงการแฟชั่นแบบเดิมไปเลย! 



ส่องเทรนด์ “Men Nail Art” 
เทรนด์ไตล์การแต่งตัวแบบ Unisex รวมถึงการทาเล็บเริ่มเข้ามามีบทบาทในแวดวงบันเทิงฝั่งตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น Johnny Depp, Harry Style, Brooklyn Beckham, Anwar Hadid, LANY, Lauv มาจนถึงฝั่งเอเชียอย่าง J-Hope, ต้นหน ตันติเวชกุล, และเจมส์ ธีรดนย์ ที่มีสไตล์การแต่งตัวสนุกสนานแหวกแนว ฉีกกฎแฟชั่นแบบเก่า 

The Guardian



news24



Daily Mail



@Lauvsongs



Pinterest



Pinterest



Pinterest




@Tonhonth
 
การทาเล็บมีให้เลือกหลากหลายสไตล์ไม่ต่างไปจากเสื้อผ้า ทั้งการทาเล็บแบบสีพื้นๆ หรือจะเป็นการเพ้นท์ลวดลาย ซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ใครที่ยังไม่สามารถข้ามผ่านนอร์มแบบเดิมๆ ลองเปิดใจแล้วสนุกไปกับการมิกซ์แอนด์แมตช์เล็บให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองดูสิ! 

ประโยชน์ของการเข้าร้านทำเล็บ
นอกจากจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว การทำเล็บยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โดยเฉพาะขั้นตอนการขัดเล็บและตัดแต่งหนังรอบๆ มีงานวิจัยจาก University of Miami Miller School of Medicine พบว่าการนวดมือหรือเท้าระหว่างทำเล็บ ช่วยลดระดับความเครียดและความวิตกกังวลได้ จะดีแค่ไหนถ้าได้นั่งพิงหลังสบายๆ แล้วมีคนมาจัดการเล็บของคุณให้สะอาดเรียบร้อย พร้อมเนรมิตเล็บในแบบที่คุณต้องการ... ทีนี้เริ่มอยากเข้าร้านทำเล็บขึ้นมาบ้างรึยังล่ะ?

ประสบการณ์จริง...จากผู้ชายทำเล็บครั้งแรก!
“ที่อยากทำเล็บเพราะรู้สึกว่ามันเป็นแฟชั่นดี ตอนนั้นในร้านไม่มีผู้ชายเลย มันก็จะเขินๆ หน่อย แต่ก็เดินเข้าไปเลยเพราะตั้งใจมาอยู่แล้ว เราเตรียม reference ไปด้วย อยากได้เป็นลายเส้นกับหน้ายิ้มสีเหลือง พนักงานเขาก็จะเอาชาร์จสีมาให้ดูว่าอยากได้สีเหลืองโทนไหน ระหว่างทำก็รู้สึกสบายมาก โดยเฉพาะตอนตะไบเล็บกับตัดหนัง ลุ้นเหมือนกันว่าจะออกมาเป็นยังไง แต่พอทำเสร็จแล้วก็รู้สึกว่าเอ้อ...เล็บเราสะอาดขึ้นเยอะ มันเงาๆ สวยดี ปกติเราเป็นคนชอบกัดเล็บ แต่พอทำเล็บแล้วก็ไม่กล้ากัดเลย กลัวพัง” เอิร์ธ 23 ปี อาชีพนักเขียน
 
  



ยาทาเล็บคืออะไร สีที่ใช้ทำไมติดทน
ส่วนประกอบของสีทาเล็บ นอกจากส่วนผสมของเม็ดสีแล้ว ยังมีสารเติมแต่งชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารยึดเกาะที่ช่วยให้เม็ดสีเกาะบนผิวเล็บ (Nitrocellulose) สารเพิ่มความมันวาว (Resins) ตัวทำละลาย (solvents) สารที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นไม่เปราะแตกง่าย (Plasticizers) และสารปรับความหนืด ซึ่งสารต่างๆ เหล่านี้ทำให้สีทาเล็บใช้งานง่าย สวย และติดทน

สีธรรมดา VS สีเจล
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันนี้สีทาเล็บได้มีวิวัฒนาการใหม่ๆ โดยเฉพาะ “สีเจล” ที่กำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะนอกจากจะเงางามกว่าสีทาเล็บธรรมดาแบบดั้งเดิมแล้ว ยังมีความทนทานไม่ลอกร่อน ติดทนอยู่บนเล็บได้นานเกิน 2 อาทิตย์ แต่ข้อเสียของสีเจลคือการที่จะทำให้สีแห้งนั้นจะต้องมีเครื่องอบประเภท LED หรือรังสี UV เป็นตัวช่วยที่ทำให้สีเกิดการแห้งแบบเชื่อมขวาง (crosslinking) ทำให้สีเจลมีความทนทานสูงกว่าสีธรรมดา แต่ก็แน่นอนว่าล้างออกยากกว่าปกติด้วยเช่นกัน ต่างจากสีธรรมดาแบบดั้งเดิมที่ใช้ลมเป่าก็สามารถแห้งได้ แต่ก็หลุดลอกได้ง่ายกว่า สีธรรมดาจึงเหมาะสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนสีเล็บบ่อยๆ  

วิธีล้างออก
พอเล็บใหม่เริ่มงอกหรือสีเล็บเริ่มจะหลุดลอกแล้ว มันก็ถึงเวลาที่จะต้องลบออก สำหรับใครที่ขึ้เกียจก็สามารถเดินเข้าร้านทำเล็บเพื่อใช้บริการล้างเล็บได้แบบชิวๆ แต่ถ้าอยากประหยัดงบ เราสามารถซื้ออุปกรณ์มาล้างเองได้ โดยใช้แค่น้ำยาล้างเล็บกับสำลี แต่ถ้าเป็นสีเจลก็จะใช้อลูมิเนียมฟอยล์และที่ดันโคนเล็บเพิ่มขึ้นมาด้วย
 สีธรรมดา - เทน้ำยาล้างเล็บใส่สำลีให้ชุ่มแล้วเช็ดสีทาเล็บออกได้เลย 
• สีเจล - สีเจลเป็นประเภทที่ล้างออกยากกว่า เทน้ำยาล้างเล็บใส่สำลีให้ชุ่มแล้ววางไว้บนเล็บ ห่อด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ ทิ้งไว้ 10-15 นาที จากนั้นจึงใช้ที่ดันโคนเล็บค่อยๆ ขูดสีบนหน้าเล็บออก เช็ดทำความสะอาดเพิ่มเติมด้วยสำลีชุ่มน้ำยาล้างเล็บ

น้ำยาล้างเล็บส่วนใหญ่จะใช้อะซิโตน (Acetone) ซึ่งช่วยละลายสีทาเล็บได้ดีเยี่ยม แต่มันก็สามารถละลายไขมันที่อยู่บนผิวหนังและอาจทำให้ผิวหนังบริเวณนิ้วมือโดยเฉพาะจมูกเล็บแห้งได้ แนะนำให้ทาครีมบำรุงหลังจากล้างเสร็จ 

ทั้งนี้การใช้ยาทาเล็บเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลให้สุขภาพเล็บอ่อนแอ เล็บเหลือง และมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อราในเล็บได้ แนะนำว่าใครที่ชื่นชอบการทาเล็บ ควรเว้นระยะเพื่อให้เล็บได้พักและซ่อมแซมตัวเองอย่างน้อย 1-3 เดือน อินเทรนด์แล้วก็อย่าลืมให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพเล็บด้วย!
 
-->