อ่านใจคนด้วยหลักจิตวิทยาขั้นสูง

ถ้าเราอ่านใจใครสักคนนึงได้มันคงจะเท่น่าดูเลยว่ามั้ย แม้ว่ามันอาจจะดูเวอร์ๆ แฟนตาซีไปบ้าง แต่เทคนิคการอ่านใจคนถือเป็นจิตวิทยาอย่างนึงเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากคุณจะรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอย่างไรกับคุณ ในหลักจิตวิทยาการอ่านใจคนมีประโยชน์มากกว่านั้นอีกเยอะเลยล่ะ



#แบบไหนเรียกว่า ‘อ่านใจคน’ ได้
จริงๆ ทุกคนมีความสามารถในการอ่านใจใครสักคนได้หมดเลยนะ แม้ว่าจิตใจมนุษย์ถือเป็นสิ่งที่ซับซ้อนและตีความหมายได้ยากที่สุด และมันคงขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถอ่านใจและตีความหมายออกมาได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง ซึ่งเราสามารถสังเกตได้จากพฤติกรรม การแสดงออก สีหน้า และแววตาของคนนั้นๆ ตามหลักทฤษฎีของนักจิตวิทยา 90 เปอร์เซ็นต์ของความรู้สึกในใจจะแสดงออกมาในรูปแบบบุคลิกและท่าทาง เช่น หน้าแดง อาจจะกำลังรู้สึกเขิน รู้สึกอาย หรืออาจจะตีความหมายเป็นในรูปแบบอื่นได้อีก กำลังมึนเมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
.
แม้ว่าทุกคนจะสามารถอ่านใจคนอื่นได้ แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ 100% เสมอไป เพราะว่าบางคนสามารถซ่อนความรู้สึกได้เก่ง หรือแม้กระทั่งคนที่เนียนเก่งๆ อันนี้ก็ถือว่าเป็นเลเวลที่ยากขึ้นไปอีกระดับ แต่ถ้าหากเราเป็นคนช่างสังเกต อาจจะพอจับทางได้บ้าง ไม่มากก็น้อย

#เทคนิคการอ่านใจคน ที่หลายคนต้องอึ้ง!
ในเมื่อเราทุกคนมีความสามารถในการอ่านใจคนได้ ดังนั้นเราลองมาดูเทคนิคการอ่านใจคน ด้วยวิธีการที่เราเชื่อเหลือเกินว่า หลายคนต้องเคยเจอสถานการณ์ในลักษณะนี้แน่นอน
 
  • คนโกหกมักจะเลิ่กลั่ก โดยปกติคนโกหกมักจะชอบแก้ตัว และพยายามจะบ่ายเบี่ยงประเด็นที่กำลังถูกโจมตี หรือบางคนจะลุกลี้ลุกลน ทำตัวไม่ถูก และพยายามจะปกป้องตัวเองให้รอดพ้นจากสถานการณ์นั้นๆ ไปให้ได้ พูดง่ายๆ ก็คือ เลิ่กลั่กนั่นเอง สิ่งนี่แหละ ทำให้เราสามารถสังเกตได้ถึงความผิดปกติที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่แน่นะ ยิ่งเราคาดคั้นไปเรื่อยๆ เราอาจจะได้รับรู้ถึงความจริงที่อยู่ภายในใจของอีกคนนึงก็ได้
  • การแสดงสีหน้าและแววตาอาจ (ไม่) ใช่เรื่องจริงเสมอไป งานนี้คุณอาจกำลังโดนตบตาอยู่ก็ได้ โรซานนา กัวดาโย จาก Unoversity of Alabama สหรัฐอเมริกา ได้กล่าวว่า ผู้ชายมักใช้วิธีแสร้งทำแบบนี้มากกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายต้องการมีข้อแก้ตัวไว้ในกรณีที่ทำผิดพลาดจึงไม่ต้องการให้คนรู้ถึงความพยายามของตน ยกตัวอย่างเช่น เราตีหน้าเศร้ากับเพื่อนของเรา แต่การแสดงสีหน้าแววตาเศร้าในครั้งนี้เราแค่จะกลบความผิดนั้นเอาไว้ หรือแม้กระทั่งในการแข่งขันที่ทำหน้าเหนื่อยล้า อาจทำให้คู่แข่งสบประมาทจนถึงขั้นแพ้เราได้เลย ซึ่งทั้งหมดนี้ในทางจิตวิทยาเราเรียกยุทธวิธีนี้ว่า “Self-handicapping” เป็นการแสดง “ข้อเสียเปรียบของตัวเอง” ให้ผู้อื่นเห็นนั่นเอง
  • การขยับมืออาจเป็นคำใบ้ว่าเรากำลังเผชิญกับความกังวล อิริยาบถเป็นสิ่งที่สังเกตได้ง่ายที่สุด หลายคนคงเคยได้ยิน ‘มืออยู่ไม่สุข’ ไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน ทั้งๆ ที่ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันคงไม่ได้มีตำแหน่งที่ชัดเจนว่าเราควรเอาไว้ตรงไหน แต่มันสามารถมองได้ว่า มันผิดปกติ นอกจากความกังวลแล้ว เราอาจจตีความหมายได้อีกมากมาย เช่น ความตื่นเต้น การครุ่นคิดอะไรบางอย่างก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
  • งานนี้ใครเขิน เราดูออกนะ! อันนี้แทบจะสังเกตง่ายที่สุดแล้ว เพราะเรื่องของการเขินอายเป็นสิ่งที่ปกปิดยาก ร่างกายของเราจะหลั่งสารอะดรีนาลีน (Adrenaline) โดยเฉพาะเวลาเราปลื้มใครสักคนนึงอย่างบอกไม่ถูก ท่าทาง สีหน้า แววตา การแสดงออก มันจะชัดเจนเป็นที่สุด เรียกว่าบิดตัวเขินจนตับไตไส้พุงกองมารวมตัวกันได้เลย คราวนี้และ ใครแอบชอบหรือแอบปลื้มเรา เรารู้นะ บอกก่อน!
  • เคยได้ยินมั้ย ‘มองตาก็รู้ใจ’ เชื่อมั้ยละว่า เพราะว่าสายตามันหลอกกันไม่ได้ คูมอิ้งค์เขาก็บอกอยู่ จริงมั้ย ว่าด้วยเรื่องการสื่อสารด้วยสายตาเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถบอกความรู้สึกของเราได้ เช่น การเบิกตากว้าง ตาเป็นประกาย อาจจะบ่งบอกว่ารู้สึกตื่นตาตื่นใจ และกำลังตื่นเต้นกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ การมองไปทางอื่นโดยไม่โฟกัสคนที่อยู่ตรงหน้า อาจจะหมายถึง ความเบื่อหน่ายและไม่ค่อยเอนจอยกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หรือแม้กระทั่งบางคนเพียงแค่ขยิบตาอาจกำลังบอกใบ้ หรือส่งซิก เพื่อหวังผลอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้

การอ่านใจคน เป็นหนึ่งในจิตวิทยาอย่างหนึ่งในการสังเกตพฤติกรรมและความรู้สึกของคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มันอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไป แล้วคุณล่ะ เคยอ่านใจใครสำเร็จบางหรือเปล่า?

Health Addict ขอแนะนำหนังสือดีๆ ที่ช่วยให้คุณอ่านใจคนได้แบบนักจิตวิทยาขั้นเทพ คลิก!
-->