แชร์เคล็ดลับ Mind Detox วิธีเคลียใจด้วยการ ‘อาบป่า’


เมื่อก่อนเวลาพูดถึงการ ‘เดินป่า’ ทุกคนก็คิดว่าต้องไปเจอกับแดดเปรี้ยงๆ อาการร้อนๆ แน่ๆ เลยทำให้หลายคนไม่อยากไป ทริปที่แพลนไว้จากที่เป็นกรุ๊ปใหญ่ก็เหลือแค่หยุมหยิมดูเหงาๆ ซึ่งผิดกับตอนนี้ ที่เทรนด์การเดินป่าเริ่มกลับมาบูมมากขึ้น วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ ‘การอาบป่า’ วิธีสร้างความสุข ในยุค Digital ที่เขาทำกันมานานแล้วในต่างประเทศ



‘อาบป่า’ คำนี้ หมายถึง…
ความหมายของ “อาบป่า” คือวิธีการที่ผู้คนปลดปล่อยความรู้สึกและประสาทสัมผัสไปกับความสงบในธรรมชาติ ด้วยการใช้สายตามองดู หูฟัง มือสัมผัส สูดกลิ่นของผืนดิน ปล่อยใจให้ไหลไปตามแรงลมในขณะที่เราเดินเอื่อยๆ ไปอย่างไม่สิ้นสุด ท่ามกลางทุ่งหญ้าและป่าเขาโดยไม่ต้องเร่งรีบกับชีวิต 

จุดเริ่มต้นของ ‘การอาบป่า’

โดยจุดเริ่มต้นแนวคิดการอาบป่า (Forest bathing) หรือในภาษาญี่ปุ่นจะอ่านว่า ชินรินโยคุ (森林浴) มีจุดกำเนิดมาจากมาจากรัฐบาลญี่ปุ่นในช่วงปี 1982 หรือ 40 กว่าปีก่อน เพื่อกันไม่ให้ประชาชนใช้ชีวิตอุดอู้อยู่แต่ในบ้าน คอนโด หรือห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ในสังคมเมือง และเสพติดเทคโนโลยีมากเกินไปจนชีวิตขาดความสงบ จนกลายเป็นโรคฮิคิโคโมริ (โรคที่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเป็นปีๆ ไม่ยอมออกไปไหน เป็นภาวะผิดปกติทางจิตรูปแบบหนึ่ง) และหวังช่วยยกระดับสุขภาพโดยรวมของประชาชนให้แข็งแรงมากขึ้น

ซึ่งก็น่าตกใจเหมือนกันที่การอาบป่าก็ดันมีประสิทธิภาพสูง ช่วยยกระดับสุขภาพของคนในประเทศเขาได้จริงๆ ซะด้วย ยกตัวอย่างงานวิจัยญี่ปุ่นในปี 2019  ที่ทดลองในกลุ่มตัวอย่างคนวัยทำงาน 155 คนที่มีแนวโน้มเป็นและไม่เป็นภาวะซึมเศร้าให้มาเข้าร่วมการทดลองเดินอาบป่าเพื่อศึกษาวิจัยผลกระทบของการอาบป่าต่อร่างกายและทางจิตใจ โดยผู้เข้าทดลองจะแบ่งให้ตรวจร่างกายและสุขภาพจิตก่อนในตอนเช้าและปล่อยให้ไปเดินอาบป่า 2 ชั่วโมงแล้วกลับมาวัดใหม่อีกรอบ พบว่า การอาบป่าช่วยให้ความดันเลือดลดลงในกลุ่มทดลองทั้งสองกลุ่ม และคนที่มีภาวะซึมเศร้ามีพัฒนาการไปในเชิงบวกมากขึ้น (ระดับภาวะซึมเศร้าลดลง) และสามารถฟื้นตัวจากความเครียดและความเมื่อยล้าได้ 

ยิ่งไปกว่านั้น ในต่างประเทศเขาตื่นตัวกับเรื่องนี้มากๆ ถึงขนาดที่จัดประเภทว่า การอาบป่าเป็นการรักษาหรือการบำบัดแบบหนึ่งไปเลย โดยเฉพาะแพทย์ในโซนสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และสกอตแลนด์ที่สามารถออกใบสั่งยาให้คนไข้หยุดงานและออกไปเดินป่าเพื่อรักษา หรือที่เรียกว่า Prescribing nature กันเลยทีเดียว ซึ่งขอบอกไว้เลยว่าต่างประเทศนั้นเขาทำกันจริงจังมากๆ (และก็ดูน่าสนุกด้วย) โดยคุณหมอจะเขียนเป็นใบสั่งยาง่ายๆ นี่แหละ แต่เพิ่มเช็กลิสต์เข้าไปในใบสั่งด้วยว่าเดือนนี้ทำอะไร เดือนหน้าทำอะไร เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนครบ 12 เดือน ตัวอย่างคำสั่งหมอที่จะให้ทำก็ได้แก่ “เดินดูไลเคนอย่างตั้งใจ” “ออกไปทะเล” “สร้างโรงแรมให้แมลง” “ทำแผนที่เสียง” “ทำอาหารจากดอกไม้ที่กินได้” หรือหัวข้อสั้นๆ ง่ายๆ อย่างการ “พูด” จะพูดกับอะไรก็ได้ ต้นไม้ ใบหญ้า หรือเจ้าโบ้ที่เดินตามก้นเรามา แค่นี้ก็ทำได้

ส่วนสาเหตุที่ต่างประเทศเขาทำกันจริงจังขนาดนี้ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นระบุเอาไว้ว่าการเดินป่าช่วยให้ร่างกายดีขึ้น ตามนี้
 
  • ลดระดับความเครียด เพราะในต้นไม้มีน้ำมันหอมระเหย Phytoncide ที่จะปล่อยออกมาเพื่อไล่แมลง แบคทีเรีย และเชื้อราต่างๆ แต่ถ้าคนสูดเข้าไป กลิ่นหอมของน้ำมันจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด ทำให้อารมณ์ดี นอนหลับสนิท นอกจากนี้จุลินทรีย์ในดินยังช่วยลดระดับภาวะซึมเศร้าได้ เช่นกัน
  • การเดินช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดและการเผาผลาญดีขึ้น ลดความดัน ลดน้ำหนักได้
  • ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด บูสท์ระบบภูมิคุ้มกันด้วยการเพิ่มจำนวน NK Cells (Natural killer cells) เพิ่มการผลิตโปรตีนต้านมะเร็ง
  • ช่วยให้สมาธิจดจ่อมากขึ้น ความจำดีขึ้น จุดประกายไอเดียใหม่ๆ
  • ฟื้นฟูเรี่ยวแรง ชาร์จพลังกลับมาสดใสเหมือนเดิม

มือใหม่อยาก อาบป่า เริ่มต้นจากไหนดี?
วิธีเริ่มก็ง่ายแสนง่าย แทบไม่ต้องเตรียมอะไรเลยนอกใจร่างกายและจิตใจให้พร้อม แต่ๆ ก็มีทิปเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรทำสักนิดนึงก่อนอาบป่าก็ยังดี นั่นก็คือ
 
  • ปิดแจ้งเตือนเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด มือถือ แท็บเล็ตอะไรปิดให้หมด หรือจะซ่อนๆ เอาไว้ในกระเป๋าลึกสุดก็ได้ เพื่อให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติให้มากที่สุด
  • เดินสำรวจป่าช้าๆ ไม่ต้องรีบ คอยมองดูว่าตัวอะไรหรือพืชชนิดไหนเกาะต้นไม้อยู่บ้าง ลองเขี่ยๆ พื้นดินสักหน่อยให้รู้ว่าในดินนุ่มๆ จะมีตัวอะไรซ่อนอยู่กันบ้างนะ
  • หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ไหนๆ ก็มาถึงในป่าแล้ว อากาศก็ต้องดีกว่าในเมืองชัวร์ ใช้ช่วงเวลานี้เก็บเกี่ยวอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มที่ไปเลย และยังกระตุ้นให้ร่างกายรู้ว่า “นี่คือเวลาผ่อนคลายแล้วนะ”
  • หยุดพักบ้างเป็นระยะๆ จะนั่งบนหิน หรือยืนมองทิวทัศน์รอบๆ เงียบๆ ใส่ใจกับพื้นที่หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว และหยุดคิดเรื่องฟุ้งซ่านหรือใคร่ครวญปัญหาในชีวิต เอาเรื่องหนักอึ้งออกไปก่อน เพราะเรามาที่นี่ก็เพื่อคลายเครียด!
  • เหลือบตามองไปรอบๆ มองหาหารายละเอียดเล็กๆ ที่แฝงอยู่ในสิ่งต่างๆ นอกจากจะเป็นการฝึกสมาธิแล้ว สีเขียวจากต้นไม้ยังช่วยบรรเทาความเครียดได้
  • เคลียร์ตารางให้วันนั้นว่างทั้งวันจะดีที่สุด เพราะแก่นหลักของการอาบป่าคือ “ไม่ต้องเร่งรีบ” คุณจะอยู่ในป่านานแค่ไหนก็ได้เท่าที่เราอยากอยู่ ถ้าเกิดวันนั้นดันมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องไปทำด้วยล่ะก็ ชีวิตคงวุ่นวายแน่ๆ

สำหรับประเทศไทย ถ้าใครอยากลองอาบป่า ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานกาญจนบุรี) ก็ได้มีโครงการท่องเที่ยวเพื่อการอาบป่า หรือกลุ่มอาบป่ากาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรีขึ้นมา เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าไปสัมผัสบรรยากาศได้ อีกทั้งกาญจนบุรียังเป็นจังหวัดที่มีผืนป่าอุดมสมบูรณ์ อยู่ไม่ใกล้ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ขับรถขึ้นมอเตอร์เวย์แป๊ปเดียวก็ถึง หนำซ้ำทางกลุ่มอาบป่ายังได้จัดตกแต่งสวนไว้เรียบร้อยให้เข้ากับบริบทการอาบป่าของเมืองไทยอีกด้วย สำหรับใครที่อยากออกไปเปิดประสบการณ์ให้ตัวเองบ้าง ติดต่อได้ที่เพจ Forest Bathing Kanchanaburi ได้เลย

อ้างอิง
https://rb.gy/j2htm 
https://rb.gy/yl4wn 
https://rb.gy/i98cs  
https://rb.gy/je40d 
https://rb.gy/08p87
-->