บอกลายาไมเกรน! กับอีกทางเลือกในการรักษา...ด้วยการฉีดโบท็อกซ์



ไม่เพียงแค่ความทรมานจากอาการปวดหัว แต่คนที่เป็นไมเกรนบ่อยๆ ก็คุ้นเคยกับรักษาด้วยการกินยา ซึ่งแน่นอนว่า การลดอาการปวดไมเกรนด้วยวิธีนี้ไปนานๆ ไม่ใช่แนวทางรักษาที่ดีต่อสุขภาพแน่ และเพราะเหตุผลนี้นี่แหละ! การแพทย์ปัจจุบันจึงได้นำเอาเทคนิคอย่าง “การฉีดโบท็อกซ์” มาใช้ในการรักษาอาการปวดไมเกรน เพราะจริงๆ แล้ว โบท็อกซ์...มีประโยชน์มากกว่าแค่เพื่อความงาม 

ปวดหัวแบบไหนที่เรียกว่า...นี่แหละ “ปวดไมเกรน”
ลักษณะของอาการปวดไมเกรนตามเกณฑ์ของ International Headache Society (1988) นั้น คือ การมีอาการปวดตุบๆ ปวดซีกเดียวบริเวณขมับหรือท้ายทอย ปวดปานกลางไปจนถึงทำงานไม่ไหว และปวดอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน รวมไปถึงอาการปวดที่สัมพันธ์กับกิจกรรมทั่วไป เช่น การเดิน โดยในบางรายอาจมีสัญญาณเตือนเกิดขึ้นก่อน หรือที่เรียกว่า aura ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาการทางตา เช่น มีแสงซิกแซก หรือแสงหิ่งห้อย ประมาณ 10 นาที ก่อนจะมีอาการปวดศีรษะตามมา

รู้มั้ย? การฉีดโบท็อกซ์ช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้นะ
แน่นอนว่าเราต่างเคยได้ยินเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ เทคนิคที่ใช้ในด้านความสวยความงาม แต่ปัจจุบันได้มีการนำเทคนิคการฉีดโบท็อกซ์มาใช้เพื่อป้องกันอาการปวดไมเกรนให้กับผู้ป่วย โดย นพ.บัญชา เสียมหาญ อายุรแพทย์ระบบประสาท ศูนย์ระบบประสาทสมองไขสันหลัง โรงพยาบาลพญาไท 2 ได้อธิบายเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์เพื่อป้องกันไมเกรนว่า... 

“ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นที่ต้องได้รับการป้องกันการปวดศีรษะไมเกรนมีหลายกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดศีรษะบ่อย ปวดศีรษะโดยที่รับประทานยาแก้ปวดไม่หาย ปวดศีรษะจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป โดยการป้องกันไมเกรนนี้ จะทำให้ความถี่ รวมถึงความรุนแรงของการปวดศีรษะลดน้อยลง”

แล้ว Botox ช่วยป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ยังไง?
ก่อนอื่นเราต้องมองย้อนกันในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ว่าเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและลำคอ โดยอาจมีอาหาร กิจกรรมต่างๆ เช่น การจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ หรือตัวกระตุ้นอื่นๆ เช่น อุณหภูมิเย็นจัด เป็นปัจจัยที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวขึ้น

ซึ่งโบท็อกซ์...เป็นสารที่ออกฤทธิ์ในการช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว ยับยั้งการปล่อยสัญญาณที่แสดงถึงความเจ็บปวดไปยังสมอง ทำให้ลดอาการปวดศีรษะที่เคยเป็นในระดับรุนแรง และลดความถี่ของอาการปวดศีรษะน้อยลงได้ โดยมีงานวิจัยพบว่า การฉีดโบท็อกซ์สามารถป้องกันอาการปวดไมเกรนได้ 60-70% ช่วยให้ผู้ป่วยลดปริมาณการกินยาไมเกรนลงได้

ลดการกินยา...ก็ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง
อย่างที่บอกไปแล้วว่า การฉีดโบท็อกซ์นั้นเป็นการป้องกันอาการปวดไมเกรนที่ถูกนำมาเป็นทางเลือกในการรักษา เพื่อลดปัญหาการใช้ยามากเกินไปในผู้ป่วยไมเกรน ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยไม่ใช่แค่อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก อัตราการเต้นของหัวใจไม่ปกติ มือเท้าชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออารมณ์แปรปรวน แต่หากผู้ป่วยใช้ยาไมเกรนในปริมาณที่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากจะส่งผลให้ไตทำงานหนักแล้ว ยาไมเกรนบางชนิดอาจส่งผลให้หลอดเลือดเกิดหดตัวมากเกินไป แขนขาขาดเลือดไหลเวียนจนเกิดเน่า...และรุนแรงจนต้องตัดทิ้ง!


แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดอาการปวดไมเกรนจะให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ นพ.บัญชา เสียมหาญ ก็ได้บอกถึงผลข้างเคียงของการรักษาไมเกรนด้วยวิธีนี้ว่า “อาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง, เห็นภาพซ้อน, ปวดบริเวณที่ฉีดและหนังตาตกได้” ทางที่ดี หากผู้ป่วยต้องการรักษาไมเกรนด้วยการฉีดโบท็อกซ์ ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การรักษา เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

 
-->