เขาวิจัยมาแล้ว... แต่ละกรุ๊ปเลือด เสี่ยงโรคต่างกัน



ถ้าพูดถึงกรุ๊ปเลือด เราอาจนึกถึงหลักการกินให้เหมาะกับกรุ๊ปเลือด กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย หรือแม้แต่การดูดวงจากกรุ๊ปเลือด... แต่วันนี้เราจะพูดถึงความเสี่ยงโรคต่างๆ ของแต่ละกลุ่ม

ข้อมูลจากภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อธิบายว่า หมู่เลือดมีมากกว่า 40 ระบบ แต่ที่มีความสำคัญจริงๆ มี 2 ระบบคือระบบเอบีโอ แบ่งหมู่เลือดเป็น 4 กรุ๊ปคือ A B AB และ O และระบบ Rh ที่แบ่งหมู่เลือดเป็น Rh+ และ Rh- จึงอาจแบ่งได้เป็น 8 กรุ๊ปคือ A Rh+, A Rh-, B Rh+, B Rh-, AB Rh+, AB Rh-, O Rh+ และ O Rh-

ความแตกต่างเหล่านี้ ทำให้ระบบร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน เช่น เส้นเลือด เซลล์ประสาท และเกล็ดเลือด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกรุ้ปเลือดต่าง ส่งผลต่อสุขภาพต่างกัน... มาดูกันดีกว่าว่าเราเสี่ยงอะไร

 
• Type A, B, AB: เสี่ยงโรคหัวใจ มะเร็งกระเพาะอาหาร ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน (VTE)
โรคหัวใจ – ปี 2015 วารสารการแพทย์ชื่อดัง BMC Medicine เผยแพร่งานวิจัย พบว่าคนที่ไม่ใช่เลือดกรุ๊ปโอประมาณ 25-30% มีความเสี่ยงจะเกิดโปรตีนในเลือดจับตัวกัน หรือที่รู้จักในชื่อ von Willebrand factor ทำให้มีเลือดออกง่ายหรือเลือดออกผิดปกติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ... และจากความแตกต่างนี้เองทำให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจมากกว่ากรุ๊ปโอ 15%

ภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน (VTE) – การวิจัยของมหาวิทยาลัยมินนิโซตา บอกว่า ถ้าเปรียบกับคนกรุ๊ปโอ คนกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงมากกว่า 31% ที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำอุดตัน โดยเฉพาะบริเวณแขน ขา และขาหนีบ

มะเร็งกระเพาะอาหาร – งานวิจัยอีกชิ้นที่ตีพิมพ์ใน BMC Medicine บอกว่าคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่า เพราะจะตอบสนองต่อเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter Pylori) ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่เกิดอันตราย แต่ก็เป็นต้นเหตุให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาจกลายเป็นมะเร็งได้
 
• Type AB: เสี่ยงสูญเสียความทรงจำ
งานวิจัยที่แผนแพร่ใน www.ncbi.nlm.nih.gov พบว่า 82% ของคนกลุ่มนี้มีความแนวโน้มจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับความจำในอนาคต เพราะมีแฟคเตอร์ 8 (factor VIII) โปรตีนในเลือดที่ทำให้เลือดแข็งตัวและช่วยรักษาแผลในระดับสูง

• Type A, B: เสี่ยงเบาหวาน
คนกลุ่มนี้มีโอกาสจะเป็นโรคเบาหวานประเภท 2 มากกว่ากลุ่มอื่น 21% ซึ่งกรุ๊ป B Rh+ ยิ่งมีโอกาสเกิดมากขึ้นไปอีกโดยที่นักวิจัยเองก็ยังไม่ทราบสาเหตุ

• Type O: ไม่เสี่ยงการอุดตันในเส้นเลือด แต่จะมีลูกยาก
แม้เลือดของคนกลุ่มนี้จะมีการจับตัวกันน้อยกว่า แต่จะมีข้อเสียคือการจับตัวของเลือดป้องกันการที่เลือดจะออกมากเกินไป... นพ.เทอร์รี่ บี.เกิร์นไชเมอร์ จากแพทยสมาคมโลหิตวิทยาอเมริกัน บอกว่า เราไม่ควรด่วนสรุปว่าเลือดกรุ๊ปโอจะปลอดภัยกว่า หรือเลือดกรุ๊ปเอมีความเสี่ยงมากกว่า อย่าลืมว่าสาเหตุที่ทำให้เลือดจับตัวกันนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย

ส่วนการมีลูกยากนั้น เป็นการค้นพบของทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ Albert Einstein College of Medicine สหรัฐอเมริกา ว่าผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ปนี้จะมีจำนวนไข่ต่อชุดน้อยกว่าผู้หญิงเลือดกรุ๊ปอื่น ทำให้โอกาสในการปฏิสนธิกับอสุจิมีน้อยกว่า... การมีจำนวนไข่ต่อชุดน้อย เนื่องจากการมีระดับฮอร์โมนฟอลลิเคิลสติมิวเลติงฮอร์โมน (Follicle Stimulating Hormone : FSH) ที่ทำหน้าที่ควบคุมการตกไข่ของรังไข่อยู่สูงกว่านั่นเอง

สุดท้ายนี้ เราก็อยากจะบอกว่านี่เป็นเพียงผลการวิจัยเท่านั้น แท้จริงแล้วโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งอาหารที่เรากินเข้าไป การออกกำลังกาย การจัดการกับความเครียด และพันธุกรรม... และถ้าหากคุณกังวล ก็อย่ามองข้ามการตรวจร่างกายประจำปีซึ่งจะทำให้คุณพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ ได้ยังไงล่ะ



 
-->