เช็คสิ? คุณกำลังเสี่ยงต่อการเกิด ‘ไวรัสตับอักเสบ ซี’ อยู่หรือเปล่า?

แม้ว่าไวรัสตับอักเสบซี จะเป็นโรคที่ไม่ได้เจอบ่อยมากเท่าไหร่ แต่ข้อเสียของการเกิดโรคนี้ก็คือเมื่อเกิดภาวะตับอักเสบแล้ว ก็มักจะเป็นแบบเรื้อรัง โดยที่บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองได้รับเชื้อมาตั้งแต่ตอนไหน คือรู้ตัวอีกทีสภาพตับก็พังพาบไปหมด และอีกหนึ่งสิ่งที่จะทำให้เรานิ่งนอนใจไม่ได้เกี่ยวกับโรคนี้เลยก็คือ ไวรัสตับอักเสบชนิดนี้ไม่มีวัคซีนป้องกัน




 
Check List! พฤติกรรมเสี่ยงแบบด่วนๆ
ต้องบอกก่อนว่าหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โรคนี้ไม่ได้เจอบ่อย อาจจะเนื่องจากว่าการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้นไม่ได้สามารถติดต่อส่งผ่านกันได้ง่ายผ่านทางระบบทางเดินอาหารหรือทางเดินหายใจเหมือนอย่างเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดอื่นๆ เพราะเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้นจะติดต่อส่งผ่านกันทางเลือดและเพศสัมพันธ์เท่านั้น งั้นมาดูกันดีกว่าว่าในเมื่อ “เลือด” ดูจะเป็นตัวส่งผ่านที่สำคัญ และมีพฤติกรรมไหนบ้างที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้  
  • รับการบริจาคเลือด หรือมีการปลูกถ่ายอวัยวะก่อนปี 2535 เพราะในสมัยก่อนต้องยอมรับการตรวจคัดกรองหรือ Screening เวลาที่เราบริจาคเลือดนั้นอาจจะยังไม่ได้ดีเท่าปัจจุบัน จึงอาจทำให้เกิดการส่งผ่านเชื้อตัวนี้มาทางเลือดได้
  • มีใช้อุปกรณ์บางอย่างร่วมกัน เช่น มีดโกน หรือในกลุ่มคนที่สัก ที่มีการใช้เข็ม
  • อยู่ในกลุ่มรักร่วมเพศ
  • ได้รับการฟอกเลือด ในกลุ่มผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากต้องมีการรับเลือดอยู่บ่อยๆ 
  • อยู่ในกลุ่มคนที่เป็น HIV ซึ่งมักจะถูกแนะนำให้ตรวจคัดกรองตับอักเสบ และมะเร็งตับควบคู่กันไปด้วย
 
แม้ “แอลกอฮอล์” ไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ก็คือตัวกระตุ้นชั้นดี
พญ. ศิรินทิพย์ ศรีเดิมมา แพทย์หัวหน้าศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพญาไท 3 ได้บอกไว้ว่า “แม้การดื่มแอลกอฮอล์อาจไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ แต่ก็ไปเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดตับอักเสบได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรามีเชื้ออยู่ในร่างกายอยู่แล้ว ซึ่งเราอาจจะไม่รู้ตัวมาก่อน แล้วพอเราดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มเข้าไปอีก นั่นหมายถึงว่าเรากำลังสร้างศัตรูจากทั้งสองด้าน คือทั้งข้าศึกที่มีอยู่ในบ้านและเปิดรับข้าศึกนอกบ้านเข้ามาอีก ก็จะกลายเป็นเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดตับอักเสบได้มากขึ้น”
 
Step ความรุนแรง จากตับอักเสบสู่มะเร็งตับ
และถ้าถามว่าเกิดตับอักเสบแล้วยังไง ก็ดูไม่ได้น่ากลัวอะไรหนิ เราขอให้คุณตั้งสติ แล้วจูนความคิดใหม่ เพราะเมื่อเรามีภาวะตับอักเสบเกิดขึ้น แม้ว่าในระยะเริ่มแรกมักที่เป็นตับอักเสบน้อยๆ มักจะไม่มีอาการ แต่คุณหมอบอกเลยว่า 8-10% ของผู้ติดเชื้อนี่แหละจะเริ่มเข้าสู่ภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งแม้ว่าคนที่เป็นตับอักเสบในระยะแรกๆ อาจจะไม่ได้มีอาการจำเพาะที่สังเกตได้ อย่างมากก็อาจจะแค่อ่อนเพลีย เล็กๆ น้อยๆ ทำงานแล้วเหนื่อย พักผ่อนไม่พอ แต่เมื่อไม่รู้ตัว และไม่ได้ตรวจสุขภาพประจำปี โอกาสที่จะเจอและรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มๆ ก็น้อย ทำให้เจออีกทีอาจจะกลายเป็นตับแข็งไปเลยก็ได้ ซึ่งเมื่อเกิดตับแข็งแล้ว ภาวะความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับก็จะตามมาติดๆ 
 
เมื่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ C เป็นเหมือน Fast Pass สู่มะเร็งตับ
สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าตับแข็งกับมะเร็งตับนั้นจำเป็นต้องมาคู่กันมั้ย คุณหมอบอกเลยว่าไม่ “ข้อเสียของไวรัสตับอักเสบคือ ถ้ามีเชื้อไวรัส B หรือ C แล้ว ไม่จำเป็นต้องผ่านภาวะตับแข็ง ก็มีโอกาสเป็นมะเร็งได้เลย เพราะว่ามันเป็นเชื้อที่ก่อมะเร็ง ตัวเชื้อโรคเองเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งอยู่แล้ว โดยที่ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเป็นตัวแข็งหรือเปล่า”
 
เห็นมั้ยว่าโรคบางโรค อาจไม่ได้ใจดีส่งสัญญาณเตือน หรือส่งอาการมาให้เราได้รู้ตัวกันก่อน ทำให้กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อาจจะลุกลามเข้าขั้นรุนแรงกันไปแล้วก็ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราตรวจเจอได้นั่นก็คือการตรวจสุขภาพประจำปี เพราะฉะนั้นใครที่เคยคิดว่าการตรวจสุขภาพประจำปีไม่ใช่เรื่องสำคัญ งานนี้ต้องคิดใหม่แล้วล่ะ โดยเฉพาะสายปาร์ตี้ ระวังตัวกันไว้ให้ดีเลย 
 
-->