แสงจ้า!!! ทำร้ายตา ได้มากกว่าที่คิด

“มันช่างจ้าซะเหลือเกิน” ถ้าถึงขนาดว่าต้องพูดประโยคนี้ขึ้นมาเวลาออกแดด ก็อย่าชะล่าใจ ปล่อยให้ดวงตาท้า (ทาย) แสงแดด เพราะถึงจะมีงานวิจัยจาก University College London (UCL) ที่ค้นพบวิธีที่จะช่วยพัฒนาสายตาที่เสื่อมลงทุกวันให้ดีขึ้นด้วยการจ้องมองแสงสีแดง ก็ไม่ได้แปลว่าการเอาตาไปสู้แสงจะเป็นเรื่องดี 



แสงจ้า...ทำร้าย (ตา)
ถึงแม้ดวงตาจะคิดเป็นเพียง 2% ของพื้นที่ผิวทั่วร่างกาย แสงแดดก็ก่อให้เกิดอันตรายได้หลายส่วน ดังนี้
  • เปลือกตา นอกจากแสงแดดจะทำให้สีผิวบริเวณเปลือกตาเปลี่ยนแปลงไป มีจุดด่างดำ เกิดริ้วรอยรอบดวงตา ยังอาจก่อให้เกิดมะเร็งที่บริเวณเปลือกตาบางชนิด เช่น Basal Cell, Carcinoma Squamous, Cell Carcinoma รวมถึง Malignant Carcinoma ที่เกี่ยวข้องกับการได้รับแสงแดดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • เยื่อบุตา หรือที่เรียกว่า ‘ต้อลม’ ซึ่งเป็นการเสื่อมของเยื่อบุตาบริเวณที่ชิดกับขอบตาดำ โดยมีสาเหตุของการระคายเคืองจากลม ฝุ่น และรังสียูวี ซึ่งหากเป็นรุนแรงจนลุกลามเข้าไปในตาดำ จะเรียกว่า ‘ต้อเนื้อ’ ซึ่งรบกวนการมองเห็น หรือหากมีการอักเสบ ก็จะทำให้มีอาการปวดและระคายเคืองได้
  • กระจกตา การอักเสบเฉียบพลันของกระจกตา ทำให้มีอาการปวดตามาก น้ำตาไหล มักจะเกิดอาการประมาณ 2–3 ชั่วโมง หลังจากได้รับรังสียูวีปริมาณมาก เช่น แสงสะท้อนจากหิมะหรือรังสียูวีจากการเชื่อมโลหะโดยไม่สวมใส่แว่นป้องกัน อาการมักจะเป็นอยู่ชั่วคราวประมาณ 1–2 วัน
  • เลนส์ตา แม้ว่าต้อกระจกจะเกิดจากการเสื่อมตามวัย แต่การได้รับรังสียูวีก็สามารถทำให้อาการของต้อกระจกรุนแรงมากขึ้นได้ ซึ่งจากรายงานขององค์การอนามัยโลกพบว่า ในแต่ละปีมีประชากรกว่า 16 ล้านคนทั่วโลกตาบอดจากต้อกระจก โดยมีจำนวนประมาณ 20% ที่มีสาเหตุมาจากการได้รับรังสียูวีมากเกินไป
  • จอตา หนุ่มๆ สาวๆ ทั้งหลายอย่าเพิ่งชะล่าใจว่าเลนส์ตายังใสปิ๊งปิ๊ง ไม่ต้องป้องกัน จริงๆ แล้วนั่นแหละตัวดี เพราะเลนส์ตาที่ใสจะทำให้ไม่สามารถดูดซับรังสียูวีไว้ได้หมด จึงมีโอกาสที่รังสียูวีจะเข้าไปทำลายจอตา ทำให้เสื่อมได้ ต่อให้ในจอตาจะมีสารหรือเม็ดสีตามธรรมชาติที่ช่วยปกป้องอยู่แล้ว แต่สารเหล่านี้ก็จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้กระบวนการป้องกันจอตาตามธรรมชาติลดลงและเกิดการเสื่อมได้ง่ายขึ้นเมื่อได้รับรังสียูวี 



แว่นกันแดด...ไอเทมสายแฟ (ชั่น) ดูแลดวงตา 

นับวันจะยิ่งแรงขึ้นทุกวัน (หมายถึงแดดนะ อย่าเพิ่งออกตัว) ก็เลยต้องมีตัวช่วยสุดเก๋อย่างแว่นตาไว้พึ่งพา ยามแดดจ้าสักหน่อย แต่จะมาเลือกสุ่มสี่สุ่มห้า เน้นแค่ความเก๋ก็กลัวจะไม่ปลอดภัย...ต่อดวงตา เลยต้องรู้วิธีการเลือกซื้อไว้บ้าง
  • ตรวจตากับจักษุแพทย์ ก่อนซื้อแว่นกันแดด เพราะหากมีความผิดพลาดในการหักเหของแสงแม้เพียงนิดเดียว หรือมีการเปลี่ยนแปลงของค่าสายตาก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากในเรื่องของการมองเห็นที่ชัดเจน และความสบายตาได้
  • เลือกซื้อแว่นกันแดดจากร้านที่มีมาตรฐาน เชื่อถือได้
  • เลือกแว่นกันแดดที่สามารถป้องกันรังสียูวีได้ 100% โดยดูจากแว่นที่มีกำกับว่า UV 400 ซึ่งหมายถึงเลนส์ที่สามารถป้องกันรังสีที่มีความยาวคลื่นได้สูงสุด 400 นาโนเมตร ที่เป็นตัวต้นเหตุทำลายผิวและดวงตา 
  • เลือกแว่นกันแดดที่มีเลนส์ขนาดใหญ่ หรือใส่แล้วกระชับพอดีกับใบหน้า เพื่อปกป้องผิวบริเวณโดยรอบดวงตาให้ได้มากที่สุด   
  • เลือกแว่นให้เข้ากับใบหน้า โดยมีทริคง่ายๆ ว่าให้เลือกแว่นที่ตรงข้ามกับรูปหน้านั่นเอง 
  • สายสปอร์ตที่ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง ควรเลือกแว่นกันแดดสำหรับกีฬาโดยเฉพาะ เพื่อความกระชับ คล่องตัว และสามารถป้องกันแสงยูวีได้ด้วย 
  • เลือกความเข้มของเลนส์ให้เหมาะกับการใช้งาน คือถ้าต้องอยู่ที่กลางแจ้งนานๆ หรือกลางแดดจัด ควรเลือกสีเข้ม เพื่อช่วยให้สบายตา แต่อย่าลืมว่าปริมาณการป้องกันรังสียูวีนั้นไม่เกี่ยวข้องกับสีและความมืดของเลนส์ 
  • เลนส์โพลารอยด์ (Polaroid) มีคุณสมบัติตัดแสงในแนวราบและตัดแสงสะท้อน (glare) ที่กระทบกับผิวน้ำ โดยไม่ได้ช่วยป้องกันรังสียูวี ยกเว้นแต่ว่าจะเป็นเลนส์โพลารอยด์ที่มีสัญลักษณ์ว่าผ่านการผลิตที่ป้องกันแสงยูวีได้ เช่นเดียวกับเลนส์ปรอท (Mirrored sunglass) ที่แม้จะมีความสามารถสะท้อนแสงออกได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันรังสียูวีที่เป็นอันตรายต่อดวงตา 

ถ้ารู้วิธีเลือกแว่นกันแดดได้อย่างเหมาะสมแล้ว “แดดจ้า” ก็แค่แยงตา แต่ถ้าเธอมองมามัน...แยงใจ ฮิ้ววว!!
-->