“ขนดก” แบบนี้... อาจเพราะป่วยอยู่นะ

ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตาม แต่ยอมรับเถอะว่าร่างกายของเราต่างปกคลุมด้วยเส้นขนนับล้านเส้น แต่ถ้ามีบางอย่างไม่เหมือนเดิม เช่น บริเวณที่ไม่เคยมีก็มีขนขึ้นปกคลุมดกดำ หรือลักษณะของเส้นขนเปลี่ยนแปลงไป อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่ากำลังมีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา

โดยทั่วไปขนตามร่างกายจะแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ ขนอ่อน (Vellus hair) ที่ขึ้นเป็นเส้นสั้นบางรำไรอยู่ทั่วร่างกายจนบางทีก็ไม่ทันสังเกตเห็น และขนเข้ม (Terminal hair) ที่หนา ยาว และสีเข้มกว่าบริเวณอื่น นั่นคือเส้นผมและขนบริเวณอวัยวะเพศที่ขึ้นตอนเป็นวัยรุ่น ซึ่งตามปกติแล้ว กรรมพันธุ์และเชื้อชาติจะเป็นตัวกำหนดปริมาณและลักษณะขนตามร่างกาย

แต่มีบางโรคหรือความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ “ขนดก” ผิดปกติ... มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง


 
• ฮอร์โมนไม่สมดุล
หากอยู่ดีๆ สังเกตว่าขนตามร่างกายดกดำกว่าปกติ อาจมาจากฮอร์โมนผู้ชายในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น... ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าในร่างกายของเราทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ต่างก็มีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนซึ่งผู้ชายจะมีสูงกว่ามาก ขณะที่ผู้หญิงจะมีในสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับฮอร์โมนเพศหญิง
สาวๆ คนไหนที่ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนเพิ่มสูงขึ้น ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ขนดกขึ้น สิวขึ้น อีกกรณีคือฮอร์โมนเพศหญิงลดลงเช่นอยู่ในช่วงวัยทอง
 
• ต่อมหมวกไตทำงานบกพร่อง
ต่อมหมวกไตเป็นอวัยวะที่อยู่เหนือไต มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของฮอร์โมนหลายตัว หากทำงานไม่ปกติแล้วล่ะก็จะส่งผลต่อความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย สัญญาณหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ง่ายคือการเปลี่ยนแปลงของเส้นขน
นอกจากนี้ หากต่อมหมวกไตทำงานผิดปกติยังมีอาการอื่นๆ อีก เช่น ความดันโลหิตสูง ช่วงลำตัวอ้วนขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป ปวดหัว และมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
 
• ถุงน้ำในรังไข่ (PCOS)
หากจู่ๆ ก็ขนดก และประจำเดือนคุณมาไม่ปกติ ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีถุงน้ำในรังไข่... ทำให้รังไข่ขยายใหญ่ขึ้นเพราะมีของเหลวอยู่ที่เรียกว่า Follicles นอกจากขนดกแล้ว ยังมีอาการอื่นๆ เช่นอารมณ์ไม่คงที่ ปวดหัว อ่อนเพลีย และนอนไม่ค่อยหลับ
 
• เนื้อเยื่อเจริญเติบโตผิดปกติ
ถ้าสังเกตพบว่าช่วง 2-3 เดือนมานี้ ลักษณะของขนตามร่างกายเปลี่ยนแปลงไป อาจเพราะเนื้อเยื่อเจริญเติบโตผิดปกติหรือแม้แต่การเกิดเนื้องอก ที่ทำให้มีการปล่อยฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น และถ้าความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเร็วและเห็นได้ชัด ก็รีบหาหมอจะดีกว่า
 
ทางที่ดีก็สังเกตร่างกายตัวเองสักหน่อย ว่าขนบริเวณต่างๆ มีลักษณะอย่างไร เพราะถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นก็จะสามารถหาสาเหตุและแก้ไขได้ก่อนที่จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันตามมา


 
-->