ผิวเป๊ะ ไม่พัง หลังเทคฮอร์โมน
“Transgender หรือการข้ามเพศ” หมายถึงบุคคลที่ตัดสินใจเปลี่ยนเพศจากเพศที่ได้ระบุไว้บนใบเกิด ซึ่งการข้ามเพศนั้น ทำให้หลายคนต้องผ่านการเทคฮอร์โมนเพื่อให้ร่างกายเปลี่ยนแปลง (Hormone Replacement Therapy - HRT) ซึ่งสิ่งนี้สามารถส่งผลต่อสภาพผิวในหลายแง่มุม.jpg)
ก่อนจะดูแลผิว มาเข้าใจผลกระทบต่อผิวหนังพื้นฐานหลังเทคฮอร์โมนกันก่อน
สำหรับ Trans Men ผลของฮอร์โมนเพศชายอย่าง Testosterone ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นภายใน 1 เดือน และอาจต่อเนื่องยาวจนถึง 2 ปี หลังจากเริ่มใช้ฮอร์โมน หลักๆ สิ่งที่พบบ่อยต่อผิวหนัง คือ
- การผลิตน้ำมัน (Sebum) จากต่อมไขมันเพิ่ม ส่งผลให้สิวเพิ่มขึ้น
- มีขนเพิ่มขึ้นตามใบหน้าและร่างกาย
- งานวิจัยบอกว่ามีผมบางลง ผมร่วง แบบฮอร์โมนเพศชาย (androgenetic alopecia หรือผมบางจากกรรมพันธุ์) ถึง 76% หลังเทคฮอร์โมนประมาณ 2 ปี
- การกระจายตัวของไขมันเปลี่ยนแปลง
ฮอร์โมนเอสโตรเจน สำหรับ Trans Women (ผู้หญิงข้ามเพศ) ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลภายในไม่กี่เดือน และต่อเนื่องไม่กี่ปีหลังจากการเริ่มใช้ ผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนัง คือ
- การผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันลดลง
- ขนตามร่างกายและใบหน้าลดลง
- เซลล์เม็ดสีทำงานเพิ่ม → มีโอกาสเกิดฝ้าและจุดด่างดำ
- รูปแบบการขับเหงื่อและกลิ่นกายเปลี่ยนแปลง
แต่สำหรับบางคนอาจยังมีปัญหาขนดก (hirsutism) เลยอาจเกิดตุ่มขนคุดหรือการระคายเคืองหลังโกน (pseudofolliculitis barbae)
แล้วเราจะปรับ Routine สกินแคร์ของเรายังไงดี?
Trans Women ที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ผลโดยตรงต่อผิวคือ ผิวนุ่มขึ้น แต่บางลง แห้งขึ้นเพราะความมันน้อยลง เราอาจปรับสกินแคร์แบบเน้นความชุ่มชื้นอย่างตัว Moisturizer ต่างๆ ที่มี Ceramide, Hyaluronic เพิ่มความแข็งแรงของปราการผิว รวมไปถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้คือครีมกันแดด เพราะผิวจะไวต่อแดดมากขึ้น และมีการกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีเพิ่มขึ้น หลีกเลี่ยง AHA/BHA ความเข้นข้นสูง เนื่องจากอาจระคายเคืองผิวได้
Trans Men ที่ใช้ฮอร์โมน เทสโทสเทอโรน ตัวนี้ส่งให้ให้ผิวมันขึ้น หยาบกร้านขึ้น รวมไปถึงอาจทำให้สิวเพิ่มขึ้นอีกด้วย สิ่งที่ควรเพิ่มเข้ามาในรูทีนคือ โฟมล้างหน้าสูตรควบคุมความมันอย่าง Salicylic Acid รวมไปถึงพวก BHA ที่ช่วยเรื่องสิวอุดตันได้ และ Niacinamide ที่มีตัวช่วยเรื่องลดความมัน จริงๆ แล้ว moisturizer ก็สำคัญสำหรับทุกสภาพผิว แต่ถ้าผิวมันอาจต้องเปลี่ยนมาใช้สูตรเจล หรือสูตรเนื้อเบา รวมไปถึงเลือกสูตร non-comedogenic เพื่อเลี่ยงการอุดตันเพิ่มเติม
แต่จริงๆ แล้ว สภาพผิวก็อาจแตกต่างโดยเฉพาะบุคคล
เพราะระดับฮอร์โมน ส่งผลกระทบต่อผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราอาจเริ่มลองปรับตามสภาพผิวพื้นฐานที่สามารถเกิดได้ทั่วไปหลังจากเทคฮอร์โมน หลังจากนั้นสัก 2-3 เดือน สังเกตสภาพผิวของเราเองว่าเรามีปัญหาตรงไหน แล้วเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์จุดนั้นๆ ไป
รวมไปถึงการดูแลเพื่อไม่ให้ผิวระคายเคือง
เนื่องจากหลังฮอร์โมนเราเปลี่ยนแปลงแล้ว การที่มีหนวดหรือขนขึ้นตามลำตัวและใบหน้า ถ้าหากเรากำจัดขนส่วนเกินพวกนี้แล้ว อย่าลืมบำรุงดูแลให้ผิวไม่ระคายเคืองหลังจากนั้นด้วย เช่นพวก Aloe Vera, Panthenol, Allantoin และพยายามหลีกเลี่ยง AHA/BHA ตัวช่วยผลัดเซลล์ผิว รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของน้ำมัน
การปรับเพศผ่าน HRT ส่งผลกระทบต่อผิวชัดเจนในทั้งสองกลุ่ม Trans ดังนั้นควรปรับสกินแคร์ให้ตอบโจทย์ผิวแต่ละช่วง ผิวของทุกคนอาจมีการดูแลที่แตกต่างกันไป บางทีเราไม่สามารถใช้สกินแคร์ตามคนอื่นได้ แต่เราสามารถลองและสังเกตตัวเองว่าตัวไหนตอบโจทย์ที่สุด หรือถ้ารู้สึกว่าหา solution ไม่ได้ สามารถติดต่อเข้ารับความปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่เชี่ยวชาญ เพื่อให้เราได้ดูแลผิวแบบปังและปลอดภัย
ที่มา
Transgender patients and their skin
Dermatologic Conditions in Transgender Populations
Characterizing Dermatological Conditions in the Transgender Population: A Cross-Sectional Study