จะเกิดอะไรกับร่างกายของเราบ้าง ถ้ายังดื่ม “น้ำอัดลม” ทุกวัน

คงไม่ต้องอธิบายมาก ว่า “น้ำอัดลม” คืออะไร ถ้าพูดถึงประโยชน์ คงมีแค่ช่วยให้สดชื่น ดื่มแล้วชื่นใจ แต่ผลกระทบต่อร่างกายก็อย่างที่ทราบกันดี โดยเฉพาะน้ำตาลที่มีเยอะจนน่าเหลือเชื่อ... และแม้จะมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย

ด้วยรสชาติและแคมเปญการตลาดที่แต่ละค่ายขนมาประชันกัน ทำให้น้ำอัดลมครองใจคนทั่วโลก เช่นที่สหรัฐอเมริกาก็มีข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรค (Centers for Disease Control) ว่าเด็กอายุ 11-14 ปีราว 63% ดื่มน้ำอัดลมทุกวันโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย... และตัวเลขนี้น่าจะสัมพันธ์กับจำนวนผู้ป่วยโรคอ้วนในสหรัฐอเมริกา ที่เพิ่มขึ้นทุกปี

เรามาดูกันดีกว่า ว่าน้ำอัดลม ทำอะไรกับร่างกายเราได้บ้าง


1) ฟันพังไม่รู้ตัว – ความซาบซ่าของน้ำอัดลมคงทำให้คุณรู้ว่ามันเคลื่อนผ่านอวัยวะไหนบ้าง ไล่ตั้งแต่ช่องปาก ทางเดินอาหาร ไปจนถึงกระเพาะอาหารที่แสบซ่า ส่วนน้ำตาลก็จะไปอยู่กับแบคทีเรียในช่องปาก ทำให้มีความเป็นกรดเพิ่มมากขึ้น นานวันเข้าสารเคลือบฟันจะอ่อนแอ ทำให้ฟันผุง่ายขึ้นและเป็นรูได้ ขณะที่ความเป็นกรดของโซดาจะไปลดค่า pH ในน้ำลาย กระตุ้นให้จำนวนแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้น คุณก็จะเจอปัญหา “แมงกินฟัน” เหมือนที่ถูกเพื่อนล้อตอนเด็กๆ ไม่มีผิด

2) คิดไม่ออก จำไม่ค่อยได้ – การบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากส่งผลเสียต่อสมองโดยเฉพาะในส่วนของการสร้างความทรงจำ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Neuroscience เผยว่าน้ำตาลจะไปชะลอการสร้างสาร Brain-derived neurotrophic factor (BDNF) โปรตีนซึ่งเป็นอาหารของเซลล์ประสาทสมอง เมื่อร่างกายผลิต BDNF ได้น้อย ทำให้การเรียนรู้และการก่อร่างสร้างความทรงจำ กลายเป็นเรื่องยาก
 
3) ปอดมีปัญหาไม่รู้ตัว – นักวิทยาศาสตร์พบความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มน้ำอัดลมกับความเสี่ยงโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease หรือ COPD) ซึ่งปิดกั้นการไหลเวียนของอากาศ ทำให้หายใจลำบาก นอกจากนี้ยังพบว่าเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืดอีกด้วย
 
4) หัวใจไม่แข็งแรง – งานวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดพบว่า เพียงคุณดื่มน้ำอัดลมขนาด 12 ออนซ์ ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว และยิ่งดื่มมาก ก็ยิ่งเสี่ยงภาวะหัวใจวายมากกว่าคนที่ดื่มน้อยๆ 
 
5) มีลูกยาก – มหาวิทยาลัยแห่งโรเชสเตอร์ ได้สำรวจพบว่าคนที่กินหวานมากๆ โดยเฉพาะน้ำอัดลม มีผลต่อการตั้งครรภ์ และเมื่อสำรวจหนุ่มสุขภาพแข็งแรงรวม 189 คนพบว่า ยิ่งดื่มน้ำหวานมากเท่าใด ยิ่งทำให้อสุจิวิ่งช้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการมีลูกยาก นอกจากนี้งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Epidemiology ยังพบว่าการดื่มน้ำหวานวันละอย่างน้อย 1 แก้วจะลดอัตราการเจริญพันธุ์ทั้งของผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งผู้หญิงที่ดื่มน้ำอัดลมอย่างน้อยวันละ 1 กระป๋อง จะมีลูกยากกว่าคนที่ไม่ดื่มน้ำอัดลม 25% เลยทีเดียว
 
6) ความสามารถในการเล่นกีฬาลดลง – สำหรับนักกีฬาคงทราบดีว่า ต้องงดน้ำอัดลม ช่วงที่กำลังเก็บตัวฝึกซ้อมก่อนไปแข่งขันรายการใหญ่ แม้จะไม่มีการเชื่อมโยงโดยตรง แต่การดื่มน้ำที่น้ำตาลสูงทำให้มีแนวโน้มที่จะไม่กินอาหารสุขภาพ ผลคือน้ำหนักขึ้นและประสิทธิภาพของร่างกายไม่ดีนัก ไม่นับรวมถึงผลกระทบต่อสมอง ปอด และหัวใจตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
 
คำแนะนำของเรา คือสิ่งที่คุณได้ยินมาจนเบื่อ... "ดื่มน้ำเปล่าสิคะ" ไม่แพง แถมดีต่อสุขภาพด้วย



 
-->