ทำไมยังรู้สึกเหงา แม้รายล้อมด้วยผู้คน
ทุกวันนี้เราออกไปทำงาน เจอรถติด เจอคนเยอะแยะมากมาย โทรศัพท์ก็มีเสียงแจ้งเตือนไม่หยุด ทั้งจากงาน ทั้งจากโซเชียล แต่ไม่รู้ทำไม…ลึก ๆ แล้วก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ดี ทั้งที่ในโซเชียล เราเห็นเพื่อน เห็นคนมากมาย แต่พอกลับถึงบ้าน กลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก เราเจอคนทุกวัน เราไม่ได้อยู่คนเดียวเลยนะ แต่อาจจะเป็นแค่ — ไม่มีใคร “อยู่กับเรา” แบบจริง ๆ ก็เท่านั้นเอง
ทำไมถึงรู้สึกเหงา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยู่คนเดียวเราเจอผู้คนมากมายในแต่ละวัน แต่อาจไม่ได้มีความรู้สึกเชื่อมโยงทางอารมณ์กันเลย อาจจะแค่เจอหน้ากัน ทำงาน แล้วก็จบไป แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีใครที่จะเข้าใจและคอยรับฟังเราจริง ๆ เลยทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะขาดการเชื่อมโยงทางอารมณ์ (Emotional Connection)
พอเราไม่มีความเชื่อมโยงกัน บางทีก็อาจรู้สึกว่า “เราไม่ได้เป็นที่ต้องการ” มนุษย์อย่างเราต้องการรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและมีความหมายต่อใครบางคน ถ้าไม่ได้รู้สึกแบบนั้น แม้อยู่ในกลุ่มใหญ่ก็ยังเหงาได้
สมองหลั่งสารโดปามีนและออกซิโทซินต่ำ หรือที่เราเรียกว่าสารเคมีในสมองที่เกี่ยวข้องกับ “ความผูกพัน” และ “ความสุขจากการเข้าสังคม” หากสมดุลน้อยลง เช่น ความเครียด หรือหมดไฟ ก็สามารถทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวง่ายขึ้นได้
ร่างกายอยู่ในโหมดป้องกันตัวเองงานวิจัยของ University of Chicago ยังพบว่า ความเหงาระดับเรื้อรังสามารถส่งผลต่อระบบประสาทและฮอร์โมน ทำให้ร่างกายอยู่ใน “โหมดป้องกันตัวเอง” ตลอดเวลา และยิ่งเรารู้สึกว่าตัวเองต้องเข้มแข็งอยู่คนเดียว ความเหงาก็ยิ่งทวีคูณ
เวลาที่เรารู้สึกเหงา สมองจะมองว่าร่างกาย “อยู่ลำพัง” ในเชิงวิวัฒนาการ มันตีความว่าเรากำลังอยู่ในสภาวะที่อาจถูกทิ้ง ถูกแยกออกจากกลุ่ม หรือไม่มีใครช่วยเหลือ เพราะตามธรรมชาติ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การอยู่ตัวคนเดียวคือความเสี่ยง สมองจึงสั่งให้ร่างกายเข้าสู่ โหมดป้องกันตัวเอง (self-preservation mode) เพื่อเอาตัวรอด
เริ่มต้นเยียวยาความเหงาง่าย ๆ ด้วย Micro-connectionสร้าง “ความเชื่อมโยงเล็ก ๆ” ในชีวิตประจำวัน มีข้อมูลจากมหาวิทยาลัย Michigan พบว่า แค่การสบตาและพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนแปลกหน้า เช่น พนักงานร้านกาแฟ คนขายของ หรือ รปภ. ในคอนโด สามารถกระตุ้นสารโดปามีนและออกซิโทซินในระดับที่ช่วยลดความเหงาได้จริง ไม่ต้องหาเพื่อนใหม่ทีเดียว
Community หรือกลุ่มที่มีความสนใจเหมือนเราก็ช่วยได้มากแพลตฟอร์มงานวิจัยด้านความเหงาพบว่า คนที่มี “กลุ่มกิจกรรมร่วมกัน” เช่น คลาสออกกำลังกาย กลุ่มเดินป่า คลับหนังสือ คลาสวาดรูป มีโอกาสลดความเหงาได้มากกว่าคนที่พยายามเข้าสังคมแบบกว้าง ๆ เพราะกิจกรรมที่สนใจเหมือนกัน จะสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งได้เร็วกว่ามาก
พยายามเข้าใจความเหงาที่เรามีTherapy หลายสำนักมองว่า “ความเหงา” คือสัญญาณว่าความต้องการทางใจของเรากำลังขาดบางอย่าง ลองสังเกตความเหงาเหมือนอาการหนึ่ง ไม่ใช่ความผิดของตัวเอง เช่น การเขียนบันทึกว่า ‘วันนี้เรารู้สึกเหงาเรื่องอะไร? ไม่มีคนกินข้าวด้วย หรือไม่รู้จะคุยกับใคร?’ ‘วันนี้เราต้องการอะไร?’ การตั้งชื่อความรู้สึก (Labeling Emotions) จะช่วยลดความสับสนในใจและช่วยให้สมองสงบขึ้น
เพราะความเร่งรีบในเมืองทำให้เราไม่เคยรู้สึกได้พักใจลองสร้าง ritual เล็ก ๆ เช่น ชงชา อ่านหนังสือ หรือเดินช้า ๆ 10 นาทีหลังเลิกงาน งานของ Harvard ชี้ว่าเวลาส่วนตัวที่มีคุณภาพ ช่วยลดความว่างเปล่าภายในได้มากกว่าการพยายามเข้าสังคมแบบฝืน ๆ
ถ้าวันหนึ่งเราลองทำทุกอย่างแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญไม่ได้เป็นเรื่องน่าอายหรือผิดอะไรเลย
ความเหงาเป็นเรื่องธรรมดากว่าที่คิด เมืองทำให้เราห่างจากกันได้ง่าย แต่เราก็สร้างความเชื่อมโยงใหม่ได้เหมือนกัน เริ่มจากการดูแลใจตัวเองก่อน แล้วค่อยหาคนที่ “อยู่กับเราแบบจริง ๆ” เพราะบางครั้ง แค่มีใครสักคนที่เข้าใจ…ก็ทำให้โลกไม่เงียบเหมือนเดิมแล้ว



